เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ได้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หลังจากที่ได้รับยการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 1 ราย ซึ่งถือเป็นเคสแรกในภายในประเทศที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยนางอาร์เดิร์นได้กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นเพศชาย วัย 58 ปีที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งอาศัยอยู่ภายในเมืองออคแลนด์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีประวัติเดินทางไปยังเมืองอื่น ทำให้นิวซีแลนด์จะอยู่ภายใต้ระดับการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดที่สุด ระดับที่ 4 เป็นเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันพุธที่ 18 สิงหาคมเป็นต้นไป
ซึ่งภายใต้การล็อกดาวน์ระดับ 4 นั้นทุกคนต้องอยู่บ้าน และธุรกิจต่างๆ ปิดให้บริการ ยกเว้นบริการที่จำเป็นเท่านั้น ที่ยังสามารถให้บริการต่อไปได้ โดยในเมืองออคแลนด์และเมืองคอโรแมนเดล ที่ชายคนดังกล่าวเดินทางไป จะถูกล็อกดาวน์นาน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขค้นหาต้นตอของการระบาดให้พบ
“เราเป็นหนึ่งในประเทศสุดท้ายในโลกที่มี การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา” นางอาร์เดิร์นกล่าว “เราอยู่ในฐานะที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ในต่างประเทศ ว่าการกระทำใดใช้ได้ผล และสิ่งใดใช้ไม่ได้ผล”
“เดลตาถูกเรียกว่าตัวเปลี่ยนเกม และมันก็หมายความว่าเราต้องพยายามอีกครั้งและเร็ว เพื่อหยุดการแพร่ระบาดเราได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่อื่น หากเราล้มเหลวในการเอาชนะ ‘เราได้รับโอกาสเดียวเท่านั้น’“
ทั้งยกตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลีย ที่ก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องว่าสามารถจัดการกับไวรัสได้ดี ก่อนจะประสบปัญหาอย่างหนักในการควบคุมการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยทางการนิวซีแลนด์สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ป่วยรายใหม่นั้นติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา แม้จะยังไม่มีการยืนยันก็ตาม
อย่างไรก็ตามแม้ว่า นิวซีแลนด์จะเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ดี ก็ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 คืบหน้าน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นๆ
เพราะมีประชากรที่ได้รับวัคซีนครบแล้วเพียง 18% ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น และจนถึงขณะนี้นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมน้อยกว่า 3,000 รายและเสียชีวิตเพียง 26 รายในประชากรประมาณ 5 ล้านคน
ที่มา : cnn