เที่ยวบินทัพสหรัฐอพยพอัฟกัน – วันที่ 22 ส.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า หญิงชาวอัฟกันท้องแก่ที่โดยสารเครื่องบินขนส่ง ซี-17 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา ที่อพยพผู้ลี้ภัยและเดินทางออกจากสนามบินกรุงคาบูล คลอดลูกไม่นานหลังเครื่องบินลงจอดที่ฐานทัพอากาศรัมชไทน์ รัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์ ทางตะวันตกของเยอรมนี เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ส.ค.

กองบัญชาการเคลื่อนย้ายทางอากาศของสหรัฐโพสต์เรื่องราวทางทวิตเตอร์ว่า หญิงคนดังกล่าวคลอดลูกบนเครื่องบินซี-17 ระหว่างการเดินทางครั้งที่สองของเธอ เพื่อหนีการยึดครองอัฟกานิสถานของกลุ่มตาลิบัน โดยเที่ยวบินดังกล่าวเดินทางจากฐานทัพในกาตาร์ มาฐานทัพรัมชไทน์ ซึ่งเป็นของสหรัฐในเยอรมนี

กองทัพอากาศสหรัฐระบุว่า แม่เริ่มมีอาการแทรกซ้อนขณะที่เครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูงของการบิน ซึ่งปกติแล้วจะสูงราว 28,000 ฟุต เนื่องจากความกดอากาศลดลงในเครื่องบิน “ผู้บัญชาการเครื่องบินตัดสินใจลดระดับความสูงของการบินเพื่อเพิ่มความกดอากาศในเครื่องบิน ซึ่งช่วยให้แม่ทรงตัวและรักษาชีวิตแม่ได้” กองบัญชาการเคลื่อนย้ายทางอากาศของสหรัฐโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์

เรื่องราวในทวิตเตอร์ยังระบุว่า เมื่อเครื่องบินจอดลงที่ฐานทัพรัมชไทน์แล้ว บุคลากรจากกลุ่มแพทย์หมายเลข 86 แห่งกองทัพอากาศ เข้ามาช่วยทำคลอดทารกในห้องเก็บสัมภาระของเครื่องบินซี-17 ส่วนแม่และเด็กจากนั้นถูกส่งไปสถานพยาบาลใกล้เคียง โดยทั้งคู่มีอาการดี

ทั้งนี้ ฐานทัพอากาศรัมชไทน์กลายเป็นจุดผ่านแดนสำคัญสำหรับผู้อพยพจากอัฟกานิสถาน โดยพล.อ.แฮงก์ เทย์เลอร์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการบรรยายสรุปที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ส.ค. ว่า เครื่องบินซี-17 กำลังเคลื่อนย้ายผู้อพยพจากฐานทัพอากาศในกาตาร์ไปเยอรมนี เพื่อแบ่งเบาผู้อพยพจำนวนมากที่ฐานทัพกาตาร์ ซึ่งมีหลายเที่ยวบินตรงจากกรุงคาบูลแต่ตอนนี้ยุติลง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ส.ค. เจ้าหน้าที่ระบุว่า เที่ยวบินทหารสหรัฐอพยพผู้ลี้ภัยจากเมืองหลวงอัฟกานิสถานถูกระงับเดินทางเป็นเวลาเกือบ 8 ชั่วโมง เนื่องจากพื้นที่ฐานทัพทหารสหรัฐในกาตาร์เต็ม

 

พลจัตวาจอร์ช โอลสัน บอกซีเอ็นเอ็นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ส.ค. ว่า ฐานทัพรัมชไทน์สามารถรองรับได้ 5,000 คน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมที่กำลังก่อสร้างควรรองรับได้ 7,500 คน ภายในเย็นวันอาทิตย์ที่ 22 ส.ค.

พลจัตวาโอลสันกล่าวคาดว่าผู้อพยพจะค้างที่นี่ระหว่าง 48-72 ชั่วโมง และเสริมว่า ตามข้อตกลงที่สหรัฐทำกับเยอรมนี ผู้อพยพไม่ควรอยู่เกิน 10 วัน

REUTERS

ทั้งนี้ พล.อ.เทย์เลอร์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมมีผู้อพยพแล้ว 22,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้อพยพแล้ว 17,000 คน ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. เป็นต้นมา

ส่วนความคืบหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินซี-17 ที่ทุบสถิติจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องบิน เป็นผู้อพยพชาวอัฟกัน 640 คน หรือเกินพิกัดเกือบ 5 เท่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ปรากฏเป็นภาพถ่ายโด่งดังไปทั่วโลก กองทัพอากาศระบุว่า จำนวนที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ 823 คน เนื่องจากการนับครั้งแรกไม่ได้รวมเด็ก 183 คนบนเครื่องบินด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ผวาไอเอสฉวยโจมตี สหรัฐสั่งพลเมืองอย่าไปสนามบินคาบูล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน