สื่อต่างชาติจัดหนักกองทัพพม่าเอพีรายงานว่า ตั้งแต่การยึดอำนาจการปกครองประเทศเมียนมา (พม่า) ของกองทัพพม่า เมื่อ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าก่อเหตุทรมานผู้ที่ถูกจับกุมอย่างเป็นระบบในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

การเปิดเผยดังกล่าวเป็นผลงานการสัมภาษณ์เหยื่อ 28 คน ที่ถูกรัฐบาลทหารพม่าจองจำและเพิ่งปล่อยตัวออกมา ของสำนักข่าวเอพี ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมอาศัยหลักฐานจากภาพถ่าย ภาพวาด จดหมาย และพยาน ซึ่งเป็นอดีตนายทหารกองทัพพม่าที่หนีออกมา 3 นาย

การสืบสวนของเอพีที่เกิดขึ้นเผยให้เห็นภาพใหญ่ของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นภายในกระบวนการจองจำที่มีเหยื่อถูกควบคุมตัวกวง่า 9,000 คนแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจก่อเหตุสังหารพลเรือนไปแล้วอย่างน้อย 1,200 ราย ท่ามกลางสภาวะมิคสัญญีทางการเมือง

แม้เหตุการณ์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในค่ายทหารของกองทัพพม่า แต่ก็มีบางส่วนเกิดขึ้นตามสถานที่ซึ่งกองทัพพม่าปรับเปลี่ยนให้ใช้เป็นศูนย์สอบสวน เช่น ลานชุมชน และพระราชวังเก่า โดยเอพีอาศัยหลักฐานจากคำบอกเล่าของเหยื่อ พยาน และภาพถ่ายดาวเทียม

สื่อต่างชาติจัดหนักกองทัพพม่า

ภาพถ่ายดาวเทียม ศูนย์สอบสวนของกองทัพพม่า (เอพี)

รายงานระบุว่า กองทัพพม่านั้นมีประวัติทรมานบุคคลที่อยู่ในความควบคุมตัวมานานแล้ว โดยเฉพาะก่อนการเปลี่ยนผ่านมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2553 แม้เหตุทรมานส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ล่าสุด พฤติกรรมนี้หวนนำมาใช้อีกครั้งทั่วประเทศ

การสืบสวนของเอพี พบว่า เทคนิคการทรมานที่ใช้ในกองทัพพม่านั้นยังมีความคล้ายคลึงกับสมัยก่อน อาทิ การไม่ให้นอนหลับพักผ่อน การให้อดอาหารและน้ำ การใช้ไฟฟ้าช็อต บังคับให้กระโดดกบ ทุบตีด้วยแท่งคอนกรีตหุ้มด้วยไม้ไผ่ กระบอง กำปั้น และรองเท้าของผู้ถูกจับกุม

ทว่า การทรมานที่เกิดขึ้นในยุคนี้มีความเลวร้ายลงกว่าสมัยก่อน เพราะเกิดขึ้นภายในศูนย์สอบสวนและเรือนจำ โดยข้อมูลจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) ระบุว่า มีผู้ถูกทรมานจนเสียชีวิตอย่างน้อย 131 ราย ตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ผ่านมา

การทรมานมักเริ่มตั้งแต่อยู่บนท้องถนน หรือหลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปภายในบ้านของผู้ต้องสงสัย บางคนเสียชีวิตก่อนที่จะถูกนำตัวไปยังศูนย์สอบสวน

นายโก โบ กี อดีตนักโทษการเมืองและเลขาธิการร่วมของ AAPP กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของกองทัพก่อเหตุทรมานเพื่อระบายอารมณ์แค้นแล้วค่อยทรมานเพื่อรีดข้อมูล โดยตนคิดว่าความโหดเหี้ยมของกองทัพพม่ายุคนี้เพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าสมัยก่อน

สื่อต่างชาติจัดหนักกองทัพพม่า

ร้อยเอก ลิ่น เต๊ด ออง (เอพี)

ร้อยเอก ลิ่น เต๊ด ออง อดีตนายทหารของกองทัพพม่าในรัฐชิน ทางภาคตะวันตกของประเทศ กล่าวว่า กองทัพมีขั้นตอนในการซุกซ่อนทำลายหลักฐานกรณีผู้ถูกจับกุมถูกทรมานจนเสียชีวิต 2 ราย และบีบบังคับให้เสนารักษ์ปลอมแปลงเอกสารสาเหตุการเสียชีวิตด้วย

ร.อ.ลิ่น ซึ่งหนีออกมาจากกองทัพเมื่อเดือนเม.ย. ยืนยันกับเอพีว่า การซ้อมทรมานของกองทัพนั้นกลายเป็นเรื่องที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่การยึดอำนาจครั้งที่ผ่านมา

“ประเทศผมเนี่ย นอกไปจากการจับกุมอย่างไม่ยุติธรรมแล้ว ยังต้องเจอกับการทรมาน ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลาครับ” และว่า “แม้แต่เชลยในยามศึกสงครามก็ยังควรได้รับการดูแลและปฏิบัติตามกฎหมาย ของพวกนี้มันหมดไปแล้วตั้งแต่รัฐประหาร โลกจำเป็นต้องทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ครับ” ร.อ.ลิ่น ระบุ

ร.อ.ลิ่น เปิดเผยด้วยว่า เทคนิคการสอบสวนนั้นเป็นหลักสูตรที่สอนภายในโรงเรียนทหารของกองทัพพม่า มีทั้งภาคทฤษฎี และการแสดง โดยตนและเพื่อนทหารที่หนีออกมาพร้อมกันนั้นเห็นพ้องกันว่าหลักการที่กองทัพสอนมา คือ “วิถ้าหากทำแล้วรีดข้อมูลออกมาได้ จะใช้วิธีไหนก็ไม่สำคัญ”

เอพีติดต่อประสานไปยังกองทัพพม่าเพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับกรณีการสอบสวนดังกล่าว แต่ได้รับการตอบกลับมาเพียงว่า “ทางกองทัพไม่มีแผนที่จะตอบคำถามไร้สาระเหล่านี้”

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ต่อประชาคมโลกด้วยประกาศจะปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง 1,300 คน และพักการไต่สวนผู้ต้องหาอีก 4,320 คน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าปล่อยออกมาจริงกี่คน และถูกจับกลับไปแล้วกี่คน

อย่างไรก็ตาม การสัมภาษณ์ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาทั้งหมดพบว่าถูกเจ้าหน้าที่ทรมาน มีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ระบุว่าไม่เจอกับตนเอง แต่เพื่อนของตนนั้นถูกทรมาน ในจำนวนนี้ มีผู้หญิงและเด็กด้วย

เอพีพบว่า มี 2 กรณีที่การทรมานเป็นไปเพื่อสร้างคำรับสารภาพที่เป็นเท็จ ขณะที่ผู้ได้รับการปล่อยตัวหลายคนถูกบังคับให้ลงนามในเอกสารว่าจะยอมทำตามคำสั่งและเชื่อฟังกองทัพ มีผู้หญิงคนหนึ่งระบุว่า ตนถูกบังคับให้ลงนามในเอกสารเปล่าที่ไม่มีตัวหนังสือใดๆ

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวทุกคนทางเอพีสัมภาษณ์แยกกันเด็ดขาด พบว่านักโทษที่มาจากศูนย์สอบสวนเดียวกันมักให้ข้อมูลที่สอดคล้องกันตั้งแต่ตำแหน่งที่ตั้งไปจนถึงเมนูอาหารหากได้รับ

เอพียังส่งภาพถ่ายบาดแผลของนักโทษไปให้กับพยาธิแพทย์ของกลุ่มแพทย์เพื่อสิทธิมนุษยชน (PHR) ตรวจสอบ และได้รับการยืนยันว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการทุบตีด้วยของแข็งลักษณะเป็นแท่ง

สื่อต่างชาติจัดหนักกองทัพพม่า

แพทย์หญิงลินด์ซีย์ โธมัส พยาธิแพทย์ กล่าวว่า ลักษณะของบาดแผลเป็นแผลฟกช้ำตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง จึงไม่ใช่บาดแผลจากการถูกเฆี่ยน หรือหวด แต่บ่งชี้ถึงการทุบตีที่รุนแรง

เอพียังมีโอกาสได้สัมภาษณ์พี่สาว ครอบครัว เพื่อน และทนายของนักโทษรายหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่ทรมานจนเสียชีวิต รวมทั้งได้รับกระดาษที่นักโทษวาดสภาพภายในเรือนจำไว้ บ่งชี้ถึงสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และเต็มไปด้วยการทารุณกรรม

สภาพดังกล่าวสอดคล้องกับภาพถ่ายจากภายในเรือนจำที่มีความสกปรกและแออัดอย่างมาก นักโทษส่วนใหญ่ต้องนอนหลับบนพื้นคอนกรีต โดยจำนวนนักโทษที่นอนรวมกันนั้นมีจำนวนมากจนไม่มีที่ให้งอเข้าขณะนอน

สื่อต่างชาติจัดหนักกองทัพพม่า

นักโทษบางส่วนยังล้มป่วยเนื่องจากดื่มน้ำที่ปนเปื้อนจากแหล่งน้ำเดียวที่มีให้ คือ ห้องสุขารวม ขณะที่บางส่วนต้องถ่ายอุจจาระลงถุงพลาสติก หรือถังรวม ที่เต็มไปด้วยแมลงสาบ

การบริการทางด้านการแพทย์นั้นแทบไม่มี โดยนักโทษคนหนึ่งเล่าถึงความพยายามที่ล้มเหลวในการข้อความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ให้กับเพื่อนอายุ 18 ปี ที่บาดเจ็บสาหัส เพราะถูกเจ้าหน้าที่ใช้รองเท้าคอมแบตกระทืบองคชาตกับพื้นอิฐ

นักโทษการเมืองเหล่านี้รวมถึงผู้หญิงและเด็กเล็กอายุเพียง 2 ขวบด้วย และผู้หญิงบางคนที่ถูกขังเดี่ยวในเรือนจำอินเส็ง นครย่างกุ้ง โดยเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า สภาพของเรือนจำนั้นเจตนาให้เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะต้องการให้สังคมเกิดความกลัวและเชื่อฟังกองทัพ

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ยังเกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 โดยนักโทษหญิงคนหนึ่ง ระบุว่า เพื่อนร่วมห้องขังคนหนึ่งของตนเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ซึ่งตนและทุกๆ คน ติดเชื้อกันหมด เพราะจมูกสูญเสียการรับรู้กลิ่นไปทั้งหมด

บรรยากาศยิ่งน่าสยดสยองขึ้นอีกในช่วงกลางคืนจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทำให้ได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากความเจ็บปวดอย่างไม่หยุดหย่อน นักโทษชายคนหนึ่งเปิดเผยว่า

“ห้องที่ผมอยู่มันน่ากลัวมาก มีรอยเลือดอยู่บนพื้นเป็นทาง รอยข่วนบนกำแพง ตามมุมห้องก็มีกองเลือดที่เพื่อนนักโทษคนอื่นอาเจียนออกมา” และว่า “พวกมันจะทรมานเราจนกว่าจะได้คำตอบที่พวกมันต้องการครับ”

“พวกมันบอกกับผมว่าที่นี่คือศูนย์สอบสวนของกองทัพ ที่นี่ไม่มีกฎหมาย มีแต่ปืน พวก-ูจะเป่า-ึง แล้วทำให้หายไปเลยก็ได้ ไม่มีใครมีวันรู้” อดีตนักโทษอายุ 21 ปี ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน