สิงคโปร์ระงับโทษ – วันที่ 8 พ.ย. เดอะการ์เดียนรายงานว่า ศาลประเทศสิงคโปร์พิพากษาทุเลาการบังคับโทษประหารชีวิตผู้ต้องหาลักลอบขนยาเสพติดประเภทเฮโรอีน ซึ่งเป็นบุคคลทุพพลภาพ หลังเกิดเสียงประณามจากบรรดานักสิทธิมนุษยชนและนานาชาติ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนายนากาเอนธราน เค ธรรมาลิงัม สัญชาติมาเลเซีย ถูกจับกุมเมื่อเดือนเม.ย. 2552 (ขณะนั้นอายุ 21 ปี) ในข้อหาพยายามนำยาเสพติดประเภทเฮโรอีนหนัก 43 กรัม เข้ามาในสิงคโปร์ โดยซุกซ่อนไว้ด้วยการรัดติดกับสะโพกในกางเกง

ผู้ต้องหาถูกศาลชั้นต้นของสิงคโปร์พิพากษาประหารชีวิตในช่วงปลายปีถัดมา แต่รอโทษประหารมานานกว่า 12 ปี โดยเมื่อเร็วๆนี้ ทางการสิงคโปร์เพิ่งแจ้งว่าจะสำเร็จโทษในวันที่ 10 พ.ย. ส่งผลให้เกิดเสียงต่อต้านอย่างกว้างขวางจนล่าสุด ศาลมีคำสั่งชะลอโทษประหารชีวิตไว้ก่อน

คำพิพากษาเดิมของศาลสิงคโปร์เรียกเสียงประณามอย่างกว้างขวางจากบรรดาองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เนื่องจากผู้ต้องหานั้นมีไอคิวเพียง 69 บ่งชี้ถึงการเป็นผู้บกพร่องทางปัญญา และมีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ ขณะที่ฝ่ายผู้ต้องหานั้นชี้ว่าผู้ต้องหาอาจถูกบังคับให้ลักลอบขนยา หรือเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์

นายอิสมาอิล ซาบรี ยาคูบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ส่งจดหมายถึงนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อขอให้ช่วยยืดหยุ่นเรื่องโทษในคดีดังกล่าว ขณะที่คณะผู้แทนสหภาพยุโรป หรืออียู เผยแพร่แถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการสิงคโปร์ระงับการประหารชีวิตข้างต้น

บรรดาญาติและครอบครัวรวมทั้งเพื่อนพ้องของผู้ต้องหากว่า 200 คน ยังร่วมลงชื่อในจดหมายที่เผยแพร่ผ่านแถลงการณ์ของ Transformative Justice Collective เรียกร้องให้ระงับการประหารชีวิต

“ความเจ็บปวดของการมีบุคคลอันเป็นที่รักเป็นนักโทษประหารนั้นไม่สามารถบรรยายได้ นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครๆ พูดถึงกัน ทำให้ความทุกข์ทรมานของพวกเราไม่ได้เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป”

“ครอบครัวของผู้ต้องหาไม่สามารถเดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาได้เป็นเวลานานกว่า 2 ปีแล้วเนื่องจากมาตรการสกัดกั้นการระบาดของโรคโควิด-19 และเพิ่งทราบข่าวล่าสุดล่วงหน้าเพียง 2 สัปดาห์ ต้องกระเสือกกระสนมาเยี่ยมผ่านผนังกระจกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดประหาร”

“นักโทษประหารในสิงคโปร์หลายคน รวมถึงผู้ต้องหานั้นเป็นบุคคลที่เติบโตมาภายใต้สภาพแวดล้อมปากกัดตีนถีบ มีชีวิตที่ยากจนข้นแค้น และเต็มไปด้วยความแปดเปื้อน ทำให้เข้าไปพัวพันกับยาเสพติด บ่อยครั้งนั้นมีสาเหตุมาจากการถูกกีดกันและความด้อยโอกาส ทำให้พวกเค้าเหล่านั้นตกอยู่ในสภาพจำยอมและง่ายต่อการถูกฉกฉวยโอกาส” แถลงการณ์ ระบุ

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในชาติที่มีโทษเกี่ยวกับยาเสพติดรุนแรงที่สุดในโลก และใช้โทษประหารชีวิตกับบุคคลใดก็ตามที่นำสารเสพติดชนิดเฮโรอีนมากกว่า 15 กรัมเข้าสู่สิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้รับการปรับปรุงใหม่เมื่อปี 2557 โดยให้ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแทนได้หากผู้ต้องหาเป็นเหยื่อของขบวนการยาเสพติด หรือมีสภาวะทุพพลภาพที่ส่งผลต่อการรับรู้ผิดชอบชั่วดี

ด้านนักสิทธิมนุษยชน ระบุว่า การประหารชีวิตผู้ต้องหาที่มีสภาวะทุพพลภาพนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานสากล ขณะที่ทนายความของผู้ต้องหานั้น ระบุว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งทุเลาการบังคับโทษประหารเพื่อรอผลการยื่นอุทธรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าศาลอุทธรณ์จะนัดฟังคำตัดสินเมื่อใด

………………

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน