ยูเครนโวยรัสเซียเมินดีลหยุดยิงอีสเตอร์ มอลโดวาผวารัสเซียจ่อฮุบดินแดน-เรียกทูตแจงด่วน

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสงครามยูเครน ว่าการเจรจาระหว่างทางการยูเครนกับรัสเซียเพื่อขอให้มีการหยุดยิงในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ไม่มีความคืบหน้า โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเปิดเผยว่าฝ่ายรัสเซียปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงช่วงอีสเตอร์

ขณะที่นายชาร์ล มีแชล ประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป หรืออียู โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูตินเปิดทางให้กับคณะเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ทางมนุษยธรรมเข้าสู่เมืองมาริอูโปล ที่ถูกรัสเซียทำลายล้างจนเกือบพังพินาศสิ้นเชิงและรัสเซียเพิ่งอ้างความสำเร็จว่า “ปลดปล่อย” เมืองดังกล่าวได้สำเร็จ

ด้านประธานาธิบดีปูติน กล่าวหาทางการยูเครนว่าไม่ยอมให้ทหารนาวิกโยธินกว่าพันนายที่กองทัพรัสเซียปิดล้อมในเมืองมาริอูโปลยอมวางอาวุธ โดยผู้นำรัสเซียยืนยันว่าพลเรือนและทหารยูเครนที่ยอมวางอาวุธนั้นจะได้รับการไว้ชีวิต ส่วนทางการยูเครนนั้นเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้มีการหยุดยิงเพื่อเปิดทางให้พลเรือนที่ถูกปิดล้อมอยู่กับทหารยูเครนหน่วยดังกล่าวสามารถเดินทางออกมาได้

ทว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่าจะยอมเปิดทางให้กับภารกิจด้านมนุษยธรรมก็ต่อเมื่อทหารหน่วยสุดท้ายของยูเครนหน่วยนี้ยอมวางอาวุธ ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครนประกาศว่าจะเปิดภารกิจโจมตีเพื่อปลดปล่อยเมืองมาริอูโปลจากการยึดครองของรัสเซียอย่างแน่นอนในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากกำลังทหารหลักของรัสเซียนั้นอยู่ที่เมืองดังกล่าว

หน่วยข่าวกรองทหารสังกัดกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่า แม้รัสเซียจะมีการเสริมกำลังและมีความเคลื่อนไหวของกำลังทหารมากขึ้นแต่กลับล้มเหลวในการเข้ายึดพื้นที่ได้เพิ่มเติมในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เนื่องจากเผชิญหน้ากับการต้านทานและโจมตีตอบโต้ของกองทัพยูเครน ขณะที่กำลังทางอากาศและน้ำของรัสเซียก็ยังไม่สามารถครองน่านฟ้าและน่านน้ำได้เด็ดขาดเนื่องจากแสนยานุภาพการป้องกันภัยทางอากาศและชายฝั่งของยูเครนที่ได้รับการเสริมกำลังต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการมอลโดวาเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงคีชีเนาเข้าพบ เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับถ้อยแถลงของพลตรีรัสตัม มินเนคาเยฟ รักษาการผู้บัญชาการเขตทหารภาคกลางของรัสเซียเปิดเผยกับสื่อรัสเซียถึงเป้าหมายของปฏิบัติการพิเศษทางทหารว่าเป็นการเชื่อมแคว้นไครเมีย ภูมิภาคดอนบัส และแคว้นทรานส์นีสเตรียของประเทศมอลโดวาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน สร้างความหวาดผวาให้มอลโดวาที่ดำรงความเป็นกลางและไม่ใช่สมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้

วันเดียวกัน ยังมีความคืบหน้าผลการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ภายหลังการค้นพบหลุมศพสังารหมู่พลเรือนรอบกรุงเคียฟ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ยูเครนพบร่างผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1 พันราย

โดยนางราวีนา ชัมดาซานี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เปิดเผยว่าพบหลักฐานการสังหารพลเรือนแล้วอย่างน้อย 50 ราย ในจำนวนนี้ รวมถึงการสังหารหมู่ด้วย ตลอดจนพบว่ากองทัพรัสเซียเจตนาใช้ปืนใหญ่และการทิ้งระเบิดใส่แหล่งชุมชนโดยไม่ใยดีต่อสวัสดิภาพของพลเรือน นอกจากนี้ ยังเจตนาทำลายล้างโรงพยาบาล สถานศึกษา และอาคารฝ่ายพลเรือนหลายแห่ง ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน