เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงฮอลลีวู้ด เมื่อมีการเปิดเผยค่าตัวของนักแสดงชายกับหญิงที่แตกต่างกันลิบลับ หลังจากผู้กำกับฯ All Money in the World เรียกตัวนักแสดงนำไปถ่ายซ่อม พบว่า มิเชล วิลเลียมส์ มีค่าตัวแค่ 1% ของมาร์ก วอห์ลเบิร์ก หรือกล่าวได้ว่า ฝ่ายพระเอกมีค่าตัวสูงกว่านางเอก 1,500 เท่า ถึงแม้ว่าผู้กำกับจะออกมาบอกว่านักแสดงและทีมต่างร่วมกันใจทำโดยไม่คิดค่าตัวก็ตาม

เรื่องการจ่ายเงินไม่เท่าเทียมกันแก่นักแสดงนำในภาพยนตร์ดังกล่าวแดงขึ้นหลังมีการเปิดเผยว่าวอห์ลเบิร์กได้รับค่าตัวทั้งหมด 1.5 ล้านดอลลาร์หรือประมาณกว่า 48 ล้านบาท ส่วนวิลเลียมส์ได้ 1,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 32,000 บาท

วิลเลียมส์และวอห์ลเบิร์กต่างมาจากบริษัทวิลเลี่ยม มอร์ริส เอ็นดีฟเวอร์ ผู้จัดการแห่งเดียวกัน

ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่า ทุกคนเข้ามาถ่ายใหม่โดยไม่หวังผลอะไรทั้งนั้น รวมถึงตนเองก็ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ยกเว้นดาราใหญ่อย่างคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ที่ได้รับค่าจ้าง

สำหรับต้นทุนของการถ่ายซ่อมร่ำลือว่าอยู่ที่ราว 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยราวๆ 320 ล้านบาท

วิลเลียมส์ได้เปิดเผยต่อสื่อในสหรัฐว่า อยากทำให้สิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับการถ่ายทำบางฉากใหม่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนที่ทีมของผู้กำกับจะเรียกไปถ่ายซ่อม ตนก็ยินดีทำให้อยู่แล้ว ไม่ได้คิดถึงเงินค่าจ้างและวันหยุด

ขณะที่บริษัทผู้จัดการของทั้งคู่ยังไม่ได้ออกมาให้ข้อคิดเห็นใดๆต่อเรื่องที่เกิดขึ้น

ยูเอสเอทูเดย์ระบุว่าเรื่องการจ่ายค่าจ้างไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบันเทิงสหรัฐแดงขึ้นหลังจากเรื่องมีการตีแผ่เรื่องอือฉาวของฮาร์วีย์ ไวน์สทีน รวมถึงเรื่องล่วงละเมิดทางเพศจากบรรดาดาราชื่อดังคนอื่นๆในฮอลลีวูด จนกระทั่งเกิดการเคลื่อนต่อต้านผ่านสัญลักษณ์แฮชแท็ก มีทู (#MeToo)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน