เมื่อ 20 ม.ค. บีบีซีรายงานว่า บรรดาสำนักงานในความควบคุมของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยปิดทำการทั่วประเทศ ภายหลังความล้มเหลวที่จะผลักดันแผนงบประมาณฉุกเฉินให้รัฐบาลผ่านวุฒิสภา เนื่องจากไม่ได้เสียงมากกว่าเท่ากับ 60 เสียงตามกฎหมาย โดยพรรครีพับลิกันที่มีวุฒิสมาชิก 51 ที่นั่ง ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรคเดโมแครต หรือเดโมแครตได้ทันเวลา สืบเนื่องมาจากความไม่ลงรอยกันของสองฝ่ายในแผนงบประจำปี ถือเป็นการปิดทำการครั้งแรกของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำพรรครีพับลิกันที่มีเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ส่งผลให้ทำเนียบขาวโจมตีพรรคเดโมแครตทันทีว่าเล่นเกมด้วยการจับชาวอเมริกันเป็นตัวประกันทางการเมืองในการเจรจาข้อตกลงการแก้ไขแผนงบประมาณที่พรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยหลายประการ ทั้งเรื่องการยุติงบสนับสนุนระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโอบามาแคร์ และงบสนับสนุนโครงการรับผู้อพยพ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีนโยบายหลักต่อต้าน และเชิดชูการโดดเดี่ยวสหรัฐจากประชาคมโลก

AFP

นางสาวซาร่าห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า พรรคเดโมแครตเห็นแก่เกมการเมืองมากกว่าความมั่นคงของประเทศชาติ กองทัพ และบรรดาเยาวชน รวมทั้งความสามารถของรัฐในการให้บริการประชาชน แต่นายชัก ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกตัวแทนจากพรรคเดโมแครตซึ่งเข้าหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ ตอบโต้ว่า เป็นผลลัพธ์จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอประนีประนอม รายงานระบุว่า ร่างแผนงบประมาณฉุกเฉินดังกล่าวผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปด้วยคะแนน 230 ต่อ 197 เพื่อขยายเวลางบสนับสนุนภาครัฐไปจนถึงเดือนก.พ.นี้ แต่ไม่ผ่านวุฒิสภาด้วยเสียง 50 ต่อ 49 เสียง ในจำนวนนี้ มีส.ว.พรรคเดโมแครต 5 คน หันไปสนับสนุน แต่ส.ว.พรรครีพับลิกันอีก 5 คน ลงคะแนนต่อต้านสวนมติพรรค

ทั้งนี้ การปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 และกินระยะเวลานาน 16 วัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว อาทิ สวนสัตว์ อุทยานแห่งชาติ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และสำนักงานส่วนใหญ่ แต่ส่วนที่มีความสำคัญอย่างความมั่นคง ไปรษณีย์ การโทรคมนาคมทางอากาศ และบริการฉุกเฉินด้านการแพทย์ รวมไปถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานจะยังคงให้บริการอยู่บางส่วน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน