มาลาวี “ห้ามขายอาหาร” ในโรงเรียน หลังยอดดับ “อหิวาตกโรค” พุ่ง 117 ราย

มาลาวี “ห้ามขายอาหาร”ซินหัว รายงานว่า ทางการ มาลาวี ประเทศทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา สั่งห้ามจำหน่ายอาหารในโรงเรียนประถมและมัธยมในปีการศึกษาใหม่ เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ต.ค. ขณะเกิดการระบาดของ “อหิวาตกโรค” อย่างต่อเนื่อง และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 117 ราย

นายชิกอนดาโน มุสซา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของมาลาวี ระบุในแถลงการณ์เรียกร้องให้พ่อแม่ รวมถึงผู้ปกครอง เตรียมอาหารจากบ้านให้นักเรียน พร้อมสั่งห้ามจำหน่ายอาหารในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม

มาลาวี “ห้ามขายอาหาร”

Malawi has banned sale of food in primary and secondary schools ahead of the new school year, which starts Monday, as cholera outbreak continues with 117 cumulative deaths recorded as of Sunday. /UNICEF Malawi/2022/HD Plus/

ขณะเดียวกันยังแนะนำสถานศึกษาระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยให้ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้จำหน่ายและจัดหาอาหารปฏิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงานตามมาตรฐานซึ่งออกโดยกระทรวงศึกษาธิการต่อสถาบันการศึกษาทั้งหมด

ทั้งนี้ อหิวาตกโรคได้แพร่ระบาดทั่วมาลาวีตั้งแต่ตรวจพบผู้ป่วยคนแรกเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันมาลาวีตรวจพบผู้ป่วยอหิวาตกโรคสะสม 4,223 คน และเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเมื่อนับจนถึงวันที่ 9 ต.ค. อย่างน้อย 117 ราย

มาลาวี “ห้ามขายอาหาร”

Photo: Requesting parents to pack homemade food for students, the education ministry “is directing that selling of food in primary and secondary schools is banned with immediate effect until further notice,” said a statement signed by Secretary for Education Chikondano Mussa. UNICEF

ในโรงเรียน หลังยอดดับ “อหิวาตกโรค” พุ่ง 117 ราย

ภาพประกอบ: Cholera treatment center in Dala, Maiduguri, Nigeria. Cholera has been spreading sporadically across the country since the first cases were recorded in the south-eastern border district of Machinga in March. /epicentre.msf.org/

มาลาวี “ห้ามขายอาหาร”

School children receive the oral cholera vaccine in Karonga. As of Sunday, 23 districts in Malawi have reported cases with 17 districts coming on board in the past 14 days, bringing the caseload and death toll to 4,223 and 117 respectively. /WHO/

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน