ถล่มที่มั่นรัสเซียส่อตายอื้อ สังเวยเขี้ยวเล็บขีปนาวุธไฮมาร์สยูเครน

ถล่มที่มั่นรัสเซียส่อตายอื้อ – วันที่ 3 ม.ค. เอเอฟพีรายงานว่า ทางการรัสเซียออกมายอมรับว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตจำนวนมากหลังทางการยูเครนเปิดเผยความสำเร็จการยิงถล่มฐานที่มั่นของทหารรัสเซียด้วยระบบขีปนาวุธไฮมาร์สลึกเข้าไปในเมืองมาคีฟกาทางภาคตะวันออกของยูเครน

ทางการยูเครน ระบุว่าสามารถสังหารทหารรัสเซียได้กว่า 400 นาย นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซียในคราวเดียวตั้งแต่เริ่มสงคราม แต่ทางการรัสเซียระบุว่ามีทหารเสียชีวิต 63 นาย

ถล่มที่มั่นรัสเซียส่อตายอื้อ

สภาพที่มั่นทหารรัสเซียหลังถูกถล่มด้วยจรวดไฮมาร์สของยูเครน (REUTERS)

แม้ตัวเลขทหารที่เสียชีวิตจากทางการรัสเซียจะน้อยกว่าทางการยูเครนมาก แต่การออกมายอมรับถึงความสูญเสียของทางการรัสเซียนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อย จึงสะท้อนว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อฝ่ายรัสเซียจากการโจมตีของกองทัพยูเครนที่เกิดขึ้นในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้นมีความร้ายแรง

กระแสข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับคำบอกเล่าของนายอิกอร์ สเตรลคอฟ อดีตผู้นำกองกำลังฝักใฝ่รัสเซียทางตะวันออกของยูเครน ระบุว่า ทหารที่เสียชีวิตจากการโจมตีส่วนใหญ่เป็นพลเรือนที่เพิ่งถูกเกณฑ์มาตามคำสั่ง “ระดมพลบางส่วน” ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย

โดยทั้งหมดอยู่ในอาคารสถานศึกษาที่ใช้เป็นฐานที่มั่น ซึ่งถูกจรวดไฮมาร์สที่สหรัฐฯมอบให้ยูเครนพุ่งเข้าทำลายจนแทบไม่เหลือซาก และความเสียหายรุนแรงกว่าปกติเป็นผลมาจากคลังแสงที่เก็บไว้ภายในอาคารด้วย คาดว่าจะทหารเสียชีวิตหลายร้อยนาย

ถล่มที่มั่นรัสเซียส่อตายอื้อ

High Mobility Artillery Rocket System – HIMARS (BNR)

เช่นเดียวกันกับ บรรดาผู้สื่อข่าวภาคสนามของสื่อบางสำนักในรัสเซียที่รายงานถึงเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในเมืองมาคีฟกาและตั้งคำถามถึงบรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพจนถึงเสนาธิการทหารรัสเซียที่ยังคงไม่ได้ถอดบทเรียนจากความผิดพลาดในการรบที่ผ่านมา ส่งผลให้มีชาวรัสเซียบางส่วนเริ่มโจมตีและตั้งคำถามถึงตัวเลขที่ทางการรัสเซียชี้แจงว่าเป็นความจริงหรือไม่

ส่วนสถานการณ์ฝั่งยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า สามารถยิงทำลายโดรนที่กองทัพรัสเซียนำมาใช้โจมตีได้แล้วกว่า 80 เครื่องตั้งแต่เข้าสู่ปี 2566 และระบุว่ารัสเซียอาจวางแผนจะใช้โดรนโจมตียูเครนในระยะยาวสะท้อนจากจำนวนโดรนดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน