ลูกค้าหัวหมอ นอนโรงแรมหรูฟรี 5 ปี แถมเนียนเป็นเจ้าของเก็บค่าเช่าผู้เช่ารายอื่น อึ้งวิธีการฉ้อโกง
เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า ชายชาวสหรัฐรายหนึ่งแอบเข้ามาอยู่ในโรงแรมย่านแมนฮัตตันฟรีไม่จ่ายเงินนานถึง 5 ปี โดยใช้ประโยชน์จากกฎหมายท้องถิ่นที่มีช่องโหว่ที่ยังคลุมเครือ และล่าสุดถึงขั้นพยายามอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ แถมยังพยายามเรียกเก็บค่าเช่าจากผู้เช่ารายอื่นอีกด้วย
ตามรายงานเผยว่า นายมิกกี้ บาร์เรโตวัย 48 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในข้อหายื่นบันทึกทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ซึ่งเขาได้แสดงความประหลาดใจที่ทางตำรวจปรากฏตัวพร้อมอาวุธและโล่กันกระสุน เนื่องจากเขามองว่าน่าจะเป็นแค่คดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา

ภาพประกอบ
ก่อนหน้านี้ นายบาร์เรโตย้ายจากลอสแอนเจลิส มาอยู่ที่นิวยอร์กกับแฟนหนุ่ม และใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางกฎหมายที่อยู่อาศัย ที่อนุญาตให้ผู้ที่พักอาศัยในห้องเดี่ยวของาคารที่สร้างก่อนปี 1969 สามารถเรียกร้องสัญญาเช่านาน 6 เดือนจากเจ้าของสถานที่ได้
ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จ่ายเงิน 200 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 7,100 บาท เข้าไปเช่าห้องพัก 1 คืน ที่โรงแรมนิวยอร์กเกอร์ (New Yorker) ซึ่งตัวอาคารสร้างขึ้นเมื่อปี 1930 จากนั้นเขาจึงไปเรียกร้องขอสัญญาเช่าจากทางโรงแรม ทำให้ถูกโรงแรมไล่ออกไปในทันที
ภายหลังเขาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาของรัฐ และชนะการอุทธรณ์ ซึ่งพบว่าเหตุผลที่ทำให้เขาชนะการอุทธรณ์นั้น เป็นเพราะทนายความฝั่งเจ้าของอาคารไม่ได้มาปรากฏตัว
และนั่นทำให้ผู้พิพากษาสั่งให้ทางโรงแรมมอบกุญแจห้องดังกล่าวแก่บาร์เรโต เขาจึงอาศัยอยู่ที่นั่งจนถึงเดือนกรกฎาคม 2023 โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าใด ๆ เพราะแม้เจ้าของอาคารจะไม่ต้องการเจรจาสัญญาเช่ากับเขา แต่ก็ไม่ได้ไล่เขาไปไหน

ภาพประกอบ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 นายบาร์เรโตได้อัปโหลดโฉนดที่ดินปลอมไปยังเว็บไซต์ของเมือง โดยอ้างว่าจะมีการโอนย้ายกรรมสิทธิ์จาก Holy Spirit Association for the Unification of World Christianity ซึ่งเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในปี 1976 มาเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเอง
นอกจากนี้ยังพยายามจะเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานต่างๆ ในฐานะเจ้าของอาคาร รวมถึงไปเรียกเก็บค่าเช่าจากหนึ่งในผู้ที่พักอาศัยอยู่ในโรงแรมด้วย
ขณะเดียวกัน ทางด้าน อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตัน ชี้ว่า นายบาร์เรโต ได้อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอาคารแห่งนึ้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญที่สุดของเมืองอย่างฉ้อฉน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทางผู้พิพากษาได้ระบุชัด ว่าในระหว่างนี้บาร์เรโตไม่สามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้
ทั้งนี้ นายบาร์เรโตยืนกรานว่าตัวเองไม่เคยกระทำการฉ้อโกงใดๆ และไม่เชื่อด้วยว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปเป็นการฉ้อโกงด้วย