เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 3 พ.ย. คดีรัสปูตินแห่งเกาหลีส่อเค้าลุกลาม เมื่ออัยการควบคุมตัวนายอาห์น จองบอม อดีตผู้ช่วยประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ เข้าสู่สถานกักกันฉุกเฉิน เพิ่มเติมจากที่ควบคุมนางชเว ซูนซิล เพื่อนสนิทยาวนานของประธานาธิบดีปาร์ก ฉายา รัสปูตินหญิง จนเกรงว่าประธานาธิบดีหญิงอาจต้องถูกสอบสวนด้วย ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ดิ่งลงต่ำกว่าร้อยละ 10
นายอาห์นถูกต้องสงสัยว่าช่วยนางชเวเรียกเก็บเงินบริจาคจากบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ รวมถึงซัมซุง เข้ากองทุนของนางชเว ลูกสาวเจ้าลัทธิแนวขมังเวท ทั้งนางชเวและนายอาห์นต่างปฏิเสธข้อกล่าวหา หลังเข้าให้การเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ด้านนายคิม ฮยุนวูง รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ประธานาธิบดีเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างดี และขึ้นอยู่กับว่าพยานหลักฐานจะไปในทางใด ตนคิดว่าอาจเป็นเรื่องจำเป็นและมีความเป็นไปได้ทางกฎหมายที่จะสอบสวนประธานาธิบดีเองเพื่อค้นหาความจริง
“ถ้าประธานาธิบดีเรียกร้องให้มีการสอบสวน การสอบสวนนั้นจะไม่มีข้อจำกัดอีก” รมว.ยุติธรรมกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ประธานาธิบดีปาร์กสั่งปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีให้นายฮวาง คโยอาน พ้นจากตำแหน่ง หลังเป็นบุคคลหนึ่งที่ถูกอัยการเรียกสอบปากคำด้วย โดยให้นายคิม บยองจูน อดีตที่ปรึกษายุคประธานาธิบดีโนห์ มูฮยุน มานั่งเก้าอี้แทน
นอกจากนี้ยังดึงนายยิม จองอึน ประธานคณะกรรมการบริการด้านการเงิน มาเป็นรมว.คลังและรองนายกรัฐมนตรี และตั้งรัฐมนตรีความปลอดภัยสาธารณะที่เชื่อว่ามารับมือผู้ชุมนุมโดยเฉพาะ