เอพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค. กองทัพอิสราเอลแถลงยืนยันรายงานการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทำลายพื้นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในซีเรีย บริเวณภูมิภาคเดียร์อัลซูร์ ภาคตะวันออก เมื่อปี 2550 ว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล หลังจากเรื่องนี้เป็นที่สงสัยมานาน

การเปิดเผยและประกาศตัวครั้งแรกนี้ มีข้อสังเกตว่าอิสราเอลต้องการส่งคำเตือนไปยังอิหร่าน ชาติคู่อริที่เข้ามามีบทบาทในสงครามกลางเมืองซีเรีย หลังจากอิสราเอลคอยดักถล่มเส้นทางขนส่งอาวุธของอิหร่านเข้าซีเรียในสงครามกลางเมืองมาตลอด 7 ปีมานี้ และเพิ่งเรียกร้องให้สหรัฐและประชาคมโลกใช้มาตรการคุมความเคลื่อนไหวของอิหร่านให้เข้มข้นขึ้น

Israeli air strike on a suspected Syrian nuclear reactor site near Deir al-Zor on Sept 6, 2007. IDF/Handout via Reuters TV

ข้อสังเกตดังกล่าวตอกย้ำด้วยถ้อยคำทางทวิตเตอร์ของนายเบนตามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ว่า “นโยบายของอิสราเอลจะยังคงชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ว่าเราจะขัดขวางศัตรูครอบครองอาวุธนิวเคลียร์” แม้จะไม่เอ่ยชื่อประเทศอิหร่านก็ตาม

Israeli air strike on a suspected Syrian nuclear reactor site near Deir al-Zor on Sept 6, 2007. IDF/Handout via Reuters

สำหรับการโจมตีฐานที่ตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในซีเรีย เมื่อวันที่ 5-6 ก.ย.2550 อิสราเอลใช้เครื่องบินรบ 8 ลำ เป็นเอฟ-15 และเอฟ-16 บินจากเมืองรามอนและฮัตเซริม ระยะทาง 450 ก.ม. เพื่อไปถล่มใส่เป้าหมายที่ชื่อว่า อัล-คูบาร์ เชื่อว่าเป็นที่ตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ซีเรียได้รับความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ

IDF/Handout via Reuters TV

อิสราเอล คัตซ์ รมว.ข่าวกรองของอิสราเอล เขียนในทวิตเตอร์ว่า “ปฏิบัติการเมื่อปี 2550 และความสำเร็จครั้งนั้นส่งสารที่ชัดเจนว่า อิสราเอลจะไม่ยอมให้อาวุธนิวเคลียร์อยู่ในมือของพวกที่คุกคามเรา ตอนนั้นคือซีเรีย และตอนนี้คืออิหร่าน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน