ทรัมป์ สวนกระแสโลกร้อน ลงนามคำสั่ง ยกเลิกใช้หลอดกระดาษ ให้ประชาชนหันกลับมา ใช้หลอดพลาสติกตามเดิม มีผลบังคับใช้ทันที ลั่นไม่ตอบโจทย์
สำนักข่าวต่างประเทศ บีบีซี รายงานว่า หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้ลงนามสั่งห้ามนักกีฬาที่ถือกำเนิดเป็นเพศชายเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของผู้หญิง ก่อนโอลิมปิกเกมส์ 2028 รวมถึงห้ามหน่วยงานของรัฐบาลระบุเพศ LGBTQ+ ให้เหลือเฉพาะเพศชายและหญิงเท่านั้น
ล่าสุด ทรัมป์ ลงนามคำสั่งยุติการใช้หลอดกระดาษ ซึ่งเป็นมาตรการของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งเคยเรียกมลพิษจากพลาสติกว่าเป็น “วิกฤต” หันกลับมาใช้ ‘หลอดพลาสติก’ ตามเดิมแทน โดยคำสั่งดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที
ซึ่งคำสั่งของทรัมป์ยังสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลหยุดซื้อหลอดกระดาษ และเรียกร้องให้มีกลยุทธ์ในการกำจัดหลอดกระดาษทั่วประเทศ

ภาพประกอบ
“หลอดกระดาษใช้ไม่ได้ ผมเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว และบางครั้งมันก็พัง ถ้าอะไรร้อน มันก็จะอยู่ได้ไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที บางครั้งก็ไม่กี่วินาที มันเป็นสถานการณ์ที่ไร้สาระ ไม่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งาน แถมยังไม่ได้รับความนิยมอีกด้วย” ทรัมป์กล่าวเสริม
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นในการกำหนดเป้าหมายมลภาวะจากพลาสติก เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลของไบเดนประกาศว่าจะค่อยๆ ยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวจากบรรจุภัณฑ์อาหาร การดำเนินงาน และกิจกรรมต่างๆ ภายในปี 2570 และจากการดำเนินงานของรัฐบาลกลางทั้งหมดภายในปี 2578
จากข้อมูลสถิติบางส่วน ระบุว่า จำนวนหลอดดูดน้ำแบบใช้แล้วทิ้งที่ใช้ในสหรัฐ อยู่ที่ 500 ล้านหลอดต่อปี แม้ว่าตัวเลขนี้ยังเป็นข้อโต้แย้งที่ดุเดือด แต่จำนวนที่แท้จริงอาจอยู่ที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว

ภาพประกอบ
คำสั่งดังกล่าวจะมีผลทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเมืองและรัฐหลายแห่งในสหรัฐ อย่างซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และนิวเจอร์ซีย์ ที่ได้นำกฎเกณฑ์ที่จำกัดการใช้หลอดพลาสติกมาใช้ หรือกำหนดให้ธุรกิจต่างๆ จัดเตรียมหลอดพลาสติกให้เฉพาะเมื่อได้รับการร้องขอจากลูกค้าเท่านั้น
ตามสถิติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติแสดงให้เห็นว่ามีการผลิตพลาสติก 460 ล้านเมตริกตันทุกปี ส่งผลให้มีขยะลงในมหาสมุทรและไมโครพลาสติกซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม การศึกษาบางกรณีแสดงให้เห็นว่าหลอดกระดาษมี “สารเคมีอันตราย” เช่น สารโพลีฟลูออโรอัลคิลหรือ PFAS อยู่เป็นจำนวนมาก PFAS สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายทศวรรษ ปนเปื้อนแหล่งน้ำ และก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากมาย