เมื่อวันที่ 16 เม.ย. เดลี่เมล์ รายงานการไต่สวนคดี ด.ญ.อาซิฟะ บาโน เด็กหญิงชาวมุสลิมวัย 8 ขวบ ถูกข่มขืนฆ่าอย่างทารุณ ในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ พื้นที่พิพาทระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ว่า ชายชาวฮินดู 8 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหา ทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา

ขณะเดียวกัน ตำรวจเปิดเผยรายละเอียดสำนวนคดีอันน่าสะเทือนขวัญว่า ด.ญ.อาซิฟะถูกกลุ่มคนร้ายลักพาตัวขึ้นรถและนำมากักขังไว้ในวัดฮินดู ในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ โดยไม่ให้กินอาหาร จากนั้นกลุ่มคนร้ายซึ่งมีผู้ชาย 3 คน มอมยาด.ญ.อาซิฟะ และรุมข่มขืนหลายครั้งตลอด 3 วัน ก่อนจะบีบคอและทุบด้วยก้อนหิน 2 ครั้งเพื่อจะให้เด็กตาย

แต่ในจังหวะดังกล่าว คนร้ายรายหนึ่งในกลุ่มสั่งให้คนร้ายอีก 2 คนยั้งมือไว้ก่อน เพื่อให้เขาได้มีโอกาสข่มขืนด.ญ.อาซิฟะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลงมือฆ่าในที่สุด

สำหรับผู้ต้องหา 8 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจถึง 4 นาย และผู้ดูแลวัดฮินดูที่เกิดเหตุคดีข่มขืน ขณะที่นายอันกูร์ ชาร์มา ทนายความฝ่ายจำเลย ระบุว่า กลุ่มคนร้าย 3 คน ปฏิเสธข้อกล่าวหา และจะเข้ารับการตรวจด้วยเครื่องจับเท็จ ทำให้ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปด้วยเหตุผลทางกระบวนการ

รายงานระบุว่า ผู้ดูแลวัดฮินดู ทราบชื่อว่า นายสันจิ ราม ถูกกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจ 4 นาย และกลุ่มผู้ชาย 3 คน ซึ่งประกอบด้วยเพื่อนของนายสันจิ ลูกชายและหลานชายของเพื่อนนายสันจิ ในการฆาตกรรมด.ญ.อาซิฟะและทำลายล้างหลักฐานสำคัญ นอกจากนี้ พบตำรวจ 2 นาย จาก 4 นาย รับสินบนเพื่อยับยั้งการสืบสวนสอบสวนคดี

ขณะเดียวกัน ดีพีคา สิงห์ ราวัต ทนายความหญิง ฝ่ายครอบครัวของด.ญ.อาซิฟะ ซึ่งเดินหน้าต่อสู้เพื่อการสืบสวนสอบสวนคดีที่เป็นธรรม เรียกร้องการพิจารณานอกเขตศาลในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ เนื่องจากกลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิต หลังจากถูกข่มขู่คุกคามทางเพศจากการทำคดีนี้

“ดิฉันไม่รู้ว่าจะมีชีวิตถึงเมื่อไร ดิฉันอาจถูกข่มขืน อาจถูกฆ่า อาจถูกทุบตี เมื่อวานนี้ ถูกข่มขู่ว่า “เราจะไม่ให้อภัยคุณ” ดิฉันจะแจ้งศาลสูงสุดของอินเดียว่า ดิฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย” ทนายความหญิงกล่าว

คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี นายมูฮัมเหม็ด ยูซูฟ ปูจะวาละ วัย 52 ปี พ่อเหยื่อ ได้รับข่าวสารจากเพื่อนบ้านเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า เจอศพลูกสาววัย 8 ขวบ นอนตายอยู่ในพงหญ้า ใต้ร่มไม้ของป่าใหญ่ หลังจากครอบครัวตามหาลูกตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.

พื้นเพของครอบครัวนี้เป็นสมาชิกชนเผ่ากุจจาร์ ซึ่งเป็นเผ่าเร่ร่อน เลี้ยงสัตว์เดินทางข้ามไปมาระหว่างหุบเขาในแคว้นจัมมู แคชเมียร์

นายมูฮัมเหม็ดกล่าวทั้งน้ำตาว่า ไปแจ้งความตำรวจตั้งแต่ทีแรก ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ หนำซ้ำยังพูดไมดีว่า ลูกสาวตนอาจจะหนีตามเด็กชายคนอื่นไปแล้วก็ได้

อ่านรายละเอียดข่าว : คดีข่มขืนฆ่าโหดด.ญ.มุสลิมวัย 8 ขวบลุกลาม ม็อบฮินดูฮือต้านจับ 8 ผู้ต้องหา

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนก ตกใจให้กับชุมชนพื้นที่ รวมไปถึงผู้รับข่าวในปากีสถานและอินเดียเป็นอย่างมาก และสั่นสะเทือนไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถานกับอินเดีย เนื่องจากแคว้นจัมมู ซึ่งมีประชากรชาวฮินดูส่วนใหญ่ และแคชเมียร์ที่มีชาวมุสลิมอยู่จำนวนมาก เป็นพื้นที่พิพาทของทั้งสองประเทศ และมีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอินเดียตั้งแต่ปี 2532

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน