หญิงสุขภาพดี ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ จู่ๆ อาหารไม่ย่อย ตรวจพบป่วยมะเร็งตับ แพร่กระจายไปยังปอด แพทย์เผยสาเหตุ ทานขนมปังกับสิ่งนี้ทุกเช้า นาน 20 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน นายแพทย์หลิว ปอเหริน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและโภชนาการชาวไต้หวันได้เล่าถึงกรณีทางการแพทย์ของผู้ป่วยหญิงที่มีสุขภาพดี ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่เป็นโรคตับอักเสบบีหรือซี

อย่างไรก็ตาม เธอไปพบแพทย์เนื่องจากมีอาการอาหารไม่ย่อย และรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าตนเองเป็นมะเร็งตับ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ “มะเร็งตับก้อนใหญ่มากที่มีการแพร่กระจายไปยังปอด”

จากการศึกษาประวัติการเจ็บป่วย พบว่าผู้ป่วยชอบรับประทานเนยถั่วลิสง และได้รับประทานขนมปังปิ้งทาเนยถั่วลิสงเป็นอาหารเช้าทุกวันตลอด 20 ปีที่ผ่านมา นายแพทย์หลิวคาดการณ์ว่ามะเร็งตับของผู้ป่วยอาจเป็นผลมาจากการบริโภคเนยถั่วลิสงที่ปนเปื้อนสารแอฟลาทอกซินเป็นระยะเวลานาน

ส่วนประกอบหลักของเนยถั่วลิสงคือ ถั่วลิสง ซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์และช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม นายแพทย์หลิวชี้ให้เห็นว่าถั่วลิสง ข้าวโพด และอาหารอื่น ๆ มักปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซินหลังจากเกิดเชื้อรา

อะฟลาทอกซินเป็น “สารก่อมะเร็งประเภทที่ 1” ที่ถูกระบุโดยองค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) และมีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งตับ มะเร็งไต และมะเร็งกระเพาะอาหาร โดยอะฟลาทอกซินมักพบในอาหารที่มีเชื้อราง่าย โดยเฉพาะอาหารที่มีปริมาณแป้งสูง เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด เมื่อแป้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงหรือชื้น แป้งจะสามารถก่อให้เกิดเชื้อแอสเพอร์จิลลัส ซึ่งผลิตอะฟลาทอกซินได้ง่าย

หลายคนเชื่อว่าเพียงแค่ล้างส่วนที่เป็นเชื้อราที่เปลือกถั่วลิสงหรือตัดส่วนที่มีเชื้อราในข้าวโพดออก หรือตากให้แห้งก็สามารถรับประทานได้ตามปกติ แต่อะฟลาทอกซินเป็นสารเคมี ดังนั้น จึงไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรรูปปกติที่อุณหภูมิร้อนหรืออุณหภูมิเดือด 100 องศาเซลเซียส

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า การจะกำจัดสารพิษอะฟลาทอกซินบางส่วนได้ต้องใช้อุณหภูมิที่สูงกว่าอุณหภูมิเดือด (อุณหภูมิคั่วหรืออบตั้งแต่ 150 องศาเซลเซียสถึงมากกว่า 200 องศาเซลเซียส)

หากใช้งา ถั่วลิสงที่มีเชื้อราหรือเสียเป็นวัตถุดิบในการทำเนยถั่วลิสง อาจทำให้ได้รับพิษจากแอฟลาทอกซินได้ง่าย อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการแปรรูปถั่วลิสงสามารถช่วยลดความเข้มข้นของอะฟลาทอกซินได้ถึง 89%

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องซื้อเนยถั่วลิสงที่ผลิตจากสถานประกอบการที่เชื่อถือได้ มีแหล่งที่มาชัดเจน นอกจากนี้ ไม่ควรใช้เนยถั่วลิสงเมื่อมีเนื้อแห้งแข็ง มีกลิ่นเปรี้ยว และมีสีเปลี่ยนไปจากตอนที่ซื้อใหม่ ๆ เพราะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเนยถั่วลิสงเสียแล้ว

นอกจากถั่วลิสง ข้าวโพดที่มีเชื้อรา ยังมีอาหารอื่น ๆ ที่มีสารอะฟลาทอกซิน ได้แก่ เมล็ดที่มีรสขม: รสขมของเมล็ดต่าง ๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน เกิดจากอะฟลาทอกซินที่เกิดขึ้นเมื่อเมล็ดเหล่านี้มีเชื้อรา ดังนั้น หากรับประทานเมล็ดที่มีรสขม ให้บ้วนออกทันทีและบ้วนปากด้วยน้ำให้สะอาด

เห็ดหูหนู: เห็ดหูหนูมีโปรตีนและเซลลูโลสมากที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากเก็บรักษาไม่ถูกวิธีเป็นเวลานานอาจทำให้เห็ดหูหนูเกิดเชื้อรา สร้างสารอะฟลาทอกซิน เห็ดหูหนูที่มีเชื้อรามีลักษณะเฉพาะคือบนพื้นผิวมีจุดสีเหลือง สีดำ หรือสีเทาอมเขียว เมื่อแช่เห็ดหูหนูก็ไม่พองตัว น้ำที่แช่มีฟอง มีสีขุ่น เหนียว และมีกลิ่นแปลกๆ

ข้าวและผลไม้ที่มีเชื้อรา: ข้าวเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยแป้งและอาจปนเปื้อนเชื้อราได้ง่ายในระหว่างการเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดสารพิษอะฟลาทอกซิน หากไม่กำจัดเมล็ดข้าวที่เสียหายและมีเชื้อราเมื่อหุงจะนำไปสู่การนำสารพิษนี้เข้าสู่กระเพาะอาหารโดยไม่ตั้งใจ หลายครอบครัวคิดว่าข้าวประเภทนั้นยังสามารถรับประทานได้ตามปกติหลังจากหุงสุกแล้ว แต่ในความเป็นจริง สารอะฟลาทอกซินยากที่จะถูกกำจัดที่อุณหภูมิเดือดปกติ

ขอบคุณที่มาจาก Hk01

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน