หญิงเล่า ท้องแฝดสาม แต่คลอดแค่คนเดียว เผยสาเหตุช็อกลูกชาย “กิน” พี่น้องตัวเอง เรียกว่า “ภาวะแฝดหาย”

กระแสไวรัลในโลกออนไลน์กำลังฮือฮาสนั่นถึงกรณีทางการแพทย์ที่มารดาคนหนึ่งในต่างประเทศออกมาบอกเล่าถึงประสบการณ์ของตนเอง โดยเธอคิดว่าตนเองตั้งครรภ์ลูกแฝดสาม แต่เมื่อตรวจครั้งที่ 3 กลับเหลือเพียง 1 คน อีก 2 คนถูก “กิน” ไปแล้ว ทำให้เธอตกใจอย่างมาก

ผู้ใช้ติ๊กต็อก “vfbabygirl28” แบ่งปันประสบการณ์ช่วงตั้งครรภ์ที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงเหมือนรถไฟเหาะ การตรวจครั้งแรกพบว่าตั้งครรภ์ลูกแฝด แต่เมื่อตรวจครั้งที่ 2 สถานการณ์เปลี่ยนไป ครั้งนี้เธอพบว่าตนตั้งครรภ์ลูกแฝดสาม ทำให้รู้สึกทั้งตกใจและดีใจ

แต่ผลลัพธ์กลับน่าผิดหวัง เพราะการตรวจครั้งที่ 3 พบว่าทารกอีก 2 คนหายไปเสียแล้ว โดยระบุว่า “เจ้าตัวนี้กินพี่น้องของเขาไปแล้ว! พระเจ้า!” สุดท้ายเธอแบ่งปันรูปถ่ายทารกแรกเกิด ดูมีใบหน้าแดงระเรื่อและมีสุขภาพดี แต่จากลูกแฝดสามเหลือเพียง 1 คน

vfbabygirl28

เมื่อเหล่าชาวเน็ตได้ชมต่างก็ตกใจและไม่เข้าใจว่า “ทารกจะกินทารกอีกคนได้อย่างไร?” หลังจากนั้นมีผู้เชี่ยวชาญออกมาอธิบายว่าอาจมีสาเหตุ 2 ประการ ในช่วงต้นตั้งครรภ์ ตัวอ่อนหลายตัวเริ่มพัฒนา แต่หลังจากนั้นจะหยุดเติบโตและถูกดูดซึมโดยร่างกายมารดาหรือทารกที่เหลืออยู่

สถานการณ์นี้ค่อนข้างพบได้บ่อย เรียกว่า Vanishing Twin Syndrome (VTS) หรือที่เรียกว่า “ภาวะแฝดหาย” คือภาวะที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์แฝด (หรือครรภ์ที่มีทารกหลายคน) โดยที่ตัวอ่อนหรือทารกแฝดคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนหายไปจากมดลูก ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสแรก

โดยตัวอ่อนคนหนึ่งเสียชีวิต เนื้อเยื่อของทารกที่เสียชีวิตนั้นจะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในร่างกายของแฝดอีกคนหนึ่ง รก หรือร่างกายของแม่ ทำให้เหมือนกับว่าแฝดคนนั้น “หายไป” ในการตรวจอัลตราซาวด์ครั้งถัดไป

ในหลายกรณี ผู้ตั้งครรภ์อาจไม่มีอาการใดๆ เลย และตรวจพบภาวะนี้จากการอัลตราซาวด์โดยบังเอิญ อย่างไรก็ตาม บางรายอาจมีอาการที่คล้ายกับการแท้งบุตรในระยะเริ่มต้น เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย ปวดหน่วงท้อง หรือปวดหลัง

สาเหตุที่ 2 ที่เป็นไปได้คือ มนุษย์ไคเมร่า (Human Chimera) ซึ่งเป็นกรณีที่หาได้ยากกว่า มนุษย์ไคเมร่า คือ บุคคลที่มีเซลล์ในร่างกายอย่างน้อย 2 ชุด ที่มีสารพันธุกรรม (DNA) แตกต่างกัน ทำให้มี DNA มากกว่า 1 ชุดในร่างกายเดียวกัน ซึ่งต่างจากภาวะโมเซอิคิซึม (Mosaicism) ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์เพียงชุดเดียวหลังจากการปฏิสนธิ

ซึ่งการรวมตัวของตัวอ่อนแฝด (Tetragametic Chimerism): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและเป็น “ไคเมร่า” ที่แท้จริง เกิดขึ้นเมื่อไข่ 2 ใบที่ถูกปฏิสนธิโดยสเปิร์ม 2 ตัว (ซึ่งปกติจะกลายเป็นฝาแฝดต่างไข่) รวมตัวกันเป็นตัวอ่อนเพียงคนเดียวในช่วงต้นของการพัฒนา ตัวอ่อนคนนั้นจึงมีเซลล์ที่มี DNA 2 ชุดที่แตกต่างกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน