เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตร. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวสะพัดในสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียว่า จะมีการปลด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกจากตำแหน่ง ว่า เรื่องนี้ขอเน้นย้ำจรรยาบรรณของสื่อมวลชน บางครั้งบางคราวการใช้แผนประทุษกรรมเก่าๆ ที่เคยทำมาแล้วในอดีตถือว่าล้าสมัยไปแล้ว กลุ่มเดิมๆ ที่เคยทำด้วยวิธีเก่าๆ ส่วนจะมีคนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ต้องสืบสวนกัน

อ่านข่าว “บิ๊กป้อม”สยบลือเปลี่ยนตัวผบ.ตร. โวยโลกออนไลน์บิดเบือน และยังไม่คิดรีเซ็ตพรรคการเมือง

เรื่องนี้สืบสวนง่ายกว่าคดีอาชญากรรม ง่ายกว่าตามจับคนร้ายเสียอีก ใครปล่อยข่าวสืบทราบได้อยู่แล้ว เป็นวิธีเดิมๆ แต่ยังเอามาใช้ในยุคนี้ เรื่องนี้มีการจุดกระแส แต่เชื่อว่าประชาชนสมัยนี้เข้าใจกระแสโซเชียล และท่านผบ.ตร.ก็ทำงานอยู่ตลอดเวลา ผลงานเป็นที่ประจักษ์ และขอฝากประชาชนหากอ่านข่าวนี้ ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอบสื่อมวลชนชัดเจนว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปลดผบ.ตร. เบื้องต้นผบ.ตร.ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่า การนำข้อมูลนี้ไปเข้าระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดฐานใดบ้าง หากผิดก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งผบ.ตร.ยังไม่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ให้ทีมกฎหมายดูก่อนว่าพฤติกรรมการเสนอเช่นนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ฐานใด แล้วจึงจะดำเนินการ

“ยืนยันว่าไม่มีข่าวการปลดผบ.ตร.แต่อย่างใด เบื้องต้นผบ.ตร.ก็ยังไม่ได้คุยกับผุ้ใหญ่ในรัฐบาลเป็นการส่วนตัว ผบ.ตร.ก็ยังทำงานเต็มที่ สนองนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ พร้อมปฏิบัติภารกิจถวายความปลอดภัยในพระราชพิธี รวมทั้งดูแลบริการประชาชนที่ท้องสนามหลวง โดยผบ.ตร.เดินทางไปสั่งการด้วยตัวเองทุกวัน จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ ซึ่งทีมงานโฆษกตร.จำเป็นต้องออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ว่ากรณีดังกล่าว มีเพียงสื่อเพียงไม่กี่คน ที่ลงข่าวในลักษณะแบบนี้” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวนี้เกิดจากความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นการอาศัยช่วงโอกาสแบบนี้ปลุกกระแส ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด และมีเจตนารมณ์อย่างไร

เมื่อถามว่า จะเป็นคนในหน่วยที่ต้องการตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นกลุ่มใด และยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสื่อมวลชนไม่มีความขัดแย้งกัน แต่มีสื่อบางส่วนเท่านั้น จึงขอให้ทบทวนเรื่องจรรยาบรรณของสื่อมวลชนด้วย ว่าการบิดเบือนข้อมูลทำให้สัมคงสับสน อีกทั้งทำให้ตำรวจทั้งประเทศสับสนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มั่นใจได้ว่า ในวันนี้และเวลาอันใกล้ตำแหน่งผบ.ตร. ยังเป็นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า เราเป็นผู้ปฏิบัติงานผบ.ตร. มีหน้าที่ทำงานเป็นผู้ปฏิบัติ ส่วนการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายก็ยังไม่มีวาระอะไร เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ และวันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ออกมาพูดชัดเจน ตนคงไม่ออกมาพูดในส่วนนี้

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการพิจารณาแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการ (รองผบก.) และสารวัตร วาระประจำปี 2559 ที่ตามกฎก.ตร.ต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน นั้นพล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า ฝ่ายกำลังพลกำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หากต้องขอขยายเวลาการแต่งตั้งออกไป ก็ต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งในวาระประจำปีนี้ถือว่ารวดเร็วมากแล้ว

เมื่อถามว่า มีส่วนแนวคิดการยุบรวมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ที่ดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ากับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9) นั้น พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปตำรวจ ที่นำแนวคิดมาจากคณะกรรมการปฏิรูปของรัฐบาล โดยการยุบรวบหรือเพิ่มหน่วยต่างๆ ยังอยู่ในกระบวนการศึกษา และรับฟังความคิดเห็น ยังไม่สรุป จึงยังไม่สามารถชี้แจงเหตุผลการเสนอยุบหน่วย รวมทั้งแจกแจงข้อดี หรือข้อเสียต่อสื่อมวลชนได้ และยืนยันว่าแนวคิดนี้เสนอกันนั้นไม่ใช่ธงจากรัฐบาลหรือฝ่ายใด แต่เป็นแนวทางที่ศึกษากันมาและเสนอต่อที่ประชุมในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งการปฏิรูปมี 2 แนวทางหลัก คือการปรับโครงสร้าง และปรับพฤติกรรม โดยยังอยู่ในกระบวนการศึกษา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน