เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายและประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำนายเผชิญ ศรีคะโชติ พร้อมครอบครัว พ่อของนายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ หรืออาร์ม อายุ 19 ปี ลูกชาย ที่ถูกชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จ.ฉะเชิงเทรา ลักพาตัวจากบ้านพักและหายตัวอย่างไร้ร่องรอย เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2558 เข้าพบนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้เร่งรัดพิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่และเป็นผู้กว้างขวาง ซึ่งหากการดำเนินงานล่าช้าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม

201611161052051-20150129150635

นายสงกานต์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เนื่องจากต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงยุติธรรม เข้าไปดำเนินการเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของนายณัฐพงศ์อย่างจริงจัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบไปบ้างแล้ว โดยทราบว่ามีการตรวจพบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ก่อนสัญญาณจะหายไปยังพื้นที่ อ.สามชัยเขต และพฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้ยังมีการค้นประวัติของนายณัฐพงศ์จากทะเบียนราษฎร์ และมีการสั่งการก่อนก่อเหตุ

201611161052052-20150129150635

อีกทั้งนอกจากกรณีการหายตัวไปของนายณัฐพงศ์แล้ว ยังทราบว่ามีวัยรุ่นในพื้นที่อีก 3 รายถูกลักพาตัวในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ซึ่งบางรายเกี่ยวข้องในกลุ่มเด็กแว้นที่รวมตัวกันแข่งจักรยานยนต์ในพื้นที่ ทั้งนี้ เรามองว่าหากวัยรุ่นที่ถูกลักพาตัวไปนั้น เป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ก็ควรจะดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ใช่ลักพาตัวหายไปอย่างนี้ ดังนั้น จึงอยากให้ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษโดยเร็ว

ด้าน นายเผชิญ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 13.30 น. ซึ่งตนกับลูกชายพักอาศัยอยู่ในบ้าน ได้มีชายฉกรรจ์ 4 คน เข้าในพื้นที่บริเวณบ้านของตน โดยมี 1 คน เข้ามาล็อคคอลูกชายออกไปจากห้องนอนของลูกชาย ก่อนนำตัวขึ้นรถยนต์ออกไป อย่างไรก็ตาม ลูกชายไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย นอกจากการแต่งรถจักรยานยต์และอยู่ในกลุ่มเด็กแว้นเท่านั้น และก่อนเกิดเหตุก็ไม่เคยไม่มีเรื่องกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2558 ก็ยังไม่ทราบข่าวของลูกชายอีกเลย

นายธวัชชัย กล่าวว่า กรณีนี้ได้เคยร้องเรียนต่อพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ไว้แล้ว ซึ่งพล.อ.ไพบูลย์ ก็ได้มีข้อสั่งการให้ดีเอสไอสืบสวนในทางลับเบื้องต้นไว้แล้ว และเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงเครือข่ายการใช้โทรศัพท์ในห้วงเวลาที่เกิดเหตุแล้ว แต่ในทางปฏิบัตินั้น คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีท้าย พ.ร.บ.สวบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดไว้ เราก็จะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าดำเนินการไปก่อน ทั้งนี้ ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไว้ และส่งให้อธิบดีดีเอสไอไปพิจารณาดูว่า จะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ โดยในหลักการดีเอสไอก็จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษเพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมจะเร่งดำเนินการทั้งหมดให้ หากสามารถดำเนินการได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน