เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผบก.ทท.3 เดินทางมาเข้าร่วมประชุมกับพนักงานสอบสวน บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีบริษัท เมจิกสกิน จำกัด บริษัทรับผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อหารือความคืบหน้าแนวทางคดีดังกล่าว โดยใช้เวลาในการประชุมนานร่วม 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า คดีนี้มีการตรวจสอบพบกลุ่มศิลปินดารานักแสดงและเน็ตไอดอลชื่อดังมากมายที่รับจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์รีวิวผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าว และได้ออกหมายเรียกมาเข้าให้ปากคำไปบ้างแล้วในบางส่วน นอกจากนี้ การตรวจสอบเจ้าหน้าที่ยังพบนพ.ปิยะพงษ์ โหวิไลลักษ์ อายุ 33 ปี หรือหมอ “บอนด์” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และน.ส.ปวีณา นามสงคราม หรือ น้ำผึ้ง “Take Me Out” แฟนสาว ไปช่วยทำการรีวิวสรรพคุณของอาหารเสริมเมจิกสกินในด้านความปลอดภัย ร่วมกับนายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือหญิงย้วย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ผู้ต้องหา ในการไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กของนายกสิทธิ์ โดยตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกทั้ง 3 คน ให้มาเข้าพบเพื่อให้ปากคำแล้วภายในวันที่ 11 พ.ค.นี้

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 40 ผู้ใดโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร มีอัตราโทษตาม มาตร 70 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 41 โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณ เพื่อประโยชน์ทางการค้าโดยไม่รับอนุญาต มีอัตราโทษตามมาตรา 71 ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หมอบอนด์และแฟนสาวเป็นที่รู้จักของประชาชนจากรายการ Take Me Out Thailand และมีผู้ติดตามบนโลกโซเชี่ยลมีเดียเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง หมอบอนด์ยังเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจะมีผลต่อการทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อคิดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นมีความปลอดภัย ทางพนักงานสอบสวนจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับเหล่าดารานักแสดงในการพิจารณาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เมจิสกิน มากน้อยเพียงใด แต่เนื่องจากหมอบอนด์เป็นผู้ที่ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงอาจเข้าข่ายเป็นความผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณแพทย์อีกด้วย จึงต้องตรวจสอบและพิจารณาเป็นพิเศษทั้งในด้านของใบประกอบวิชีพทั่วไป และใบประกอบวิชาชีพเฉพาะทาง ว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ หากไม่มี ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกด้วยว่า นอกจากนี้ ยังอยากฝากเตือนไปยังประชาชน ถึงอันตรายของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอีก ยี่ห้อหนึ่ง คือ “ลีน” หรือ “LYN” เอสเอส-ทรี กล่องดำ และลีนบล็อคเบิร์น เบรกบิวท์ กล่องสีขาว ซึ่งเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่กำลังขยายผล นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเมจิกสกิน ซึ่งอย.ได้ตรวจพบสารต้องห้ามที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต 2 ชนิด คือ ไซมูทรามีน ไฮโดคลอไรด์ มีฤทธิ์กล่อมประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกไม่อยากอาหารส่งผลข้างเคียงกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดใน ลีนบล็อคเบิร์น เบรกบิวท์ กล่องสีขาว และบิซาโคดิล มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ใน”LYN” เอสเอส-ทรี กล่องดำ ซึ่งยาทั้ง 2 ตัวนี้ อย.ได้ยกเลิกการผลิตไปแล้ว แต่ยังพบว่ามีการพยายามลักลอบนำเข้ามาผสมกับอาหารเสริมต่างๆ อยู่ เพราะหากรับประทานต่อเนื่องเพียงแค่ 2 สัปดาห์อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย หลังพบข้อมูลว่า มีผู้รับประทานทานผลิตภัณฑ์ยี่ห้อลีนแล้วต่อมาเสียชีวิต 3 คน

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า รายแรกเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี, รายที่ 2 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่สน.ปทุมวัน กทม. และรายสุดท้าย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เบื้องต้นพบว่าผู้ตายทุกคนมีอาการต่างๆ คล้ายผลข้างเคียงของสารต้องห้ามที่ตรวจพบในผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ หลังจากรับประทานไปได้ 10-20 วัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอผลตรวจพิสูจน์ที่แน่ชัดต่อไป

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ซึ่งหากผลการตรวจพิสูจน์สาเหตุการตายมีต้นเหตุมาจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนากับเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีบริษัทฟู้ด ซายน์ ซัพพลาย เซอร์วิส จำกัด และมีบริษัท เอกอัครินทร์ จำกัด เป็นผู้จำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 ราย ที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเสียชีวิตจากการทานผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังกล่าวหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ได้รับทาง อย. พบว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีการสวมเลขอย. ของน้ำปลายี่ห้อหนึ่ง ส่วนการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ตำรวจเข้าตรวจค้นโรงงานย่านปทุมธานี สามารถจับกุมพนักงานได้7คน ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายมาดำเนินคดีด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน