เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่บริเวณหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นำคณะข้าราชการตำรวจ 1,000 นาย ร่วมงาน “รวมพลังแห่งความภักดี” เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 โดยหลังเคารพธงชาติ ได้ร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี จากนั้นร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมกับข้าราชการทั่วประเทศ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตำรวจทุกนายยึดมั่นในความจงรักภักดี และสานต่อแนวพระราชดำริ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยโครงการพระราชดำริต่างๆทั้งโครงการในความดูแลของตำรวจตระเวนชายแดน โครงการของตำรวจจราจร ก็จะสานต่อพัฒนา ขึ้นไป โดยเฉพาะโครงการจราจรในพระราชดำริ ในความรับผิดชอบของตำรวจนครบาลนั้น ก็อยู่ระหว่างพัฒนาและขยายโครงการไปยังเมืองใหญ่ เช่น จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่ โดยในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รักษาราชการแทนรองผบ.ตร. ไปศึกษาอยู่
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ส่วนการน้อมนำแนวทางในพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พระองค์ท่านทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน รวมถึงข้าราชการทุกฝ่าย และอยากให้เกิดสันติสุข เชื่อว่าข้าราชการทุกฝ่าย ทุกคนเข้าใจหลักการนี้อยู่แล้ว และได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ แนวทางนี้สะท้อนสายพระเนตรที่ยาวไกลของพระองค์ท่าน ในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน โดยทุกโครงการในพระราชดำริ ตนและข้าราชการตำรวจจะสานต่อ เดินตามรอยพระองค์ท่าน ซึ่งทุกโครงการล้วนเป็นประโยชน์แก่ประชาชน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลประชาชนโดยรอบพระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว มีแผนการจัดการอย่างชัดเจน มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ขณะนี้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 1, ภาค 2 และภาค 7 ที่สลับผลัดเปลี่ยนกันดูแลประชาชน และในอนาคตอาจนำกำลังจากตำรวจภูธรภาคอื่นมาเสริม ซึ่งสามารถบริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจร ที่คล่องตัวขึ้น ขณะนี้สามารถบริหารจัดการได้อย่างลงตัวแล้ว
ก่อนหน้านี้ในวันหยุด มีการปิดถนน 27 เส้นทาง แต่เมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา ทดลองปิดการจราจรเพียง 8 เส้นทาง ซึ่งก็ไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในการดูแลทรัพย์สิน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีจุดคัดกรอง 8 จุด ซึ่งได้สร้างความเข้าใจและชี้แจงกับประชาชน ในเรื่องการงดนำสิ่งของมีค่าเข้ามาภายในบริเวณสนามหลวง เพื่อเป็นการป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาส โดยคดีที่เกิดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง มักจะเป็นคดีมโนสาเร่ ไม่มีคดีรุนแรงอะไรที่น่ากังวล
ด้านการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ประสานงานกัน ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีมาตรการรองรับอยู่แล้ว