เมื่อวันที่ 23 พ.ย. พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้นถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 22 พ.ย. โดยมีราชสกุลจิตรพงศ์, ราชสกุลยุคล และราชสกุลอิศรางกูร ณ อยุธยา ร่วมในพระราชพิธี

201611231519443-20120706145949

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. หลังสำนักพระราชวังปิดการเข้าสักการะพระบรมศพสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เวลา 21.00 น. โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 37,820 คน รวม 25 วัน มี 788,118 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,595,403.75 บาท รวม 25 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 57,628,355.25 บาท

201611231625351-20030315182420

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 27 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด

201611231253443-20120706145949

ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนที่มาถวายบังคมพระบรมศพต่างอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอก ซึ่งหลังจากเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

201611231253444-20120706145949

นายรัตฐกาน แซ่ม้า อายุ 40 ปี ชาวเขาเผ่าม้ง พร้อมด้วยลูกสาว น.ส.เมวดี แซ่ม้า อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนหนองกองวิทยาคม และญาติพี่น้องอีก 2 คน ที่ปั่นจักรยานจาก อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร เพื่อมาถวายบังคมพระบรมศพ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า แม้ว่าการเดินทางมายังพระบรมมหาราชวังจะสามารถมาโดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถประจำทางก็ได้ แต่ตนอยากตั้งใจปั่นจักรยาน เพื่อถวายความอาลัยและแสดงความจงรักภักดี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ตนได้ออกเดินทางมาพร้อมลูกสาวและญาติตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย. ระหว่างทางแวะนอนพักที่วัดและศาลาริมทาง ก่อนมาถึงสนามหลวงเวลาประมาณ 04.00 น. สำหรับระยะทางที่ปั่นมาราว 350-400 กิโลเมตร เทียบไม่ได้กับระยะทางที่พระองค์เดินทางไปช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกสารทิศในแผ่นดินไทย ซึ่งบางแห่งก็เป็นท้องที่ทุรกันดาร

201611231510512-20030315182420

“แม้ว่าผมจะไม่เคยรับเสด็จ แต่ก็รับรู้ได้ถึงพระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อชาวเขา พระองค์ทรงทำให้ชาวเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี จากเดิมรุ่นปู่ย่าตายายปลูกฝิ่นหารายได้ แต่พระองค์มีพระราชดำริส่งเสริมให้ปลูกพืชเกษตร เพื่อเก็บไว้กินเองและขายหารายได้ด้วย ปัจจุบันผมก็ปลูกข้าว ปลูกมัน เลี้ยงไก่ หมู ปลา และกินอยู่อย่างพอเพียง ที่เหลือก็ขาย ผมได้สอนให้ลูกเป็นคนดีและดำเนินชีวิตแบบพอเพียงตามพระราชดำริของพระองค์” นายรัตฐกาน กล่าว

201611231519441-20120706145949

ด้าน น.ส.เมวดี กล่าวว่า อยากเดินทางมาสักการะพระบรมศพพร้อมกับพ่อ และอาจจะเป็นครั้งเดียวที่ได้มา โดยส่วนตัวรับรู้และรู้จักพระองค์ตั้งแต่เด็ก จากการบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในเผ่าม้ง ซึ่งท่านมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวเขาเผ่าม้งมาก ตนจะประพฤติคนเป็นคนดี ยึดหลักความพอเพียงและใช้จ่ายอย่างประหยัด

201611231519442-20120706145949

ส่วนนางจันทร์ผง กันธิยา อายุ 80 ปี ชาว จ.ลำพูน ที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า วันนี้นั่งรถแท็กซี่มากับหลานตั้งแต่เวลา 01.00 น. และได้เข้าสักการะพระบรมศพประมาณ 09.30 น. รู้สึกดีใจมากที่ได้มา แม้จะรอเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมงกว่า ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย เพราะพระองค์ทรงงานหนักและเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปช่วยเหลือประชาชนทั่วทุกภาค

“เมื่อหลายสิบปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปที่ จ.ลำพูน ป้าเคยไปเฝ้าฯ รับเสด็จริมทางที่ขบวนเสด็จผ่าน ป้ารู้สึกปลาบปลื้มมากที่ได้เห็นพระองค์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ไม่ทอดทิ้งประชาชนเลย” นางจันทร์ผง กล่าว

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพล แด่พระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จำนวน 8 รูป โดยมี ม.ร.ว.ดนุโชติ เทวกุล ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร และ ม.ล.รักเกียรติ ศุขสวัสดิ์ ร่วมในพระราชพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาแสดงความอาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

สำหรับเมนูอาหารพระราชทานแจกจ่ายประชาชนประจำวันที่ 23 พ.ย. ประกอบด้วย มื้อเช้าเวลา 07.00 น. เกี๊ยวน้ำ 1,500 ถ้วย นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวันเวลา 11.00 น. ก๋วยเตี๋ยวไก่ 1,000 ถ้วย ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ 1,000 ถ้วย ข้าวผัดกะเพรา 1,000 จาน ข้าวน้ำพริกลงเรือ 1,000 จาน มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง ข้าวเหนียวหมูทอด-ไก่ทอด 1,000 ชุด เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 น. ข้าวผัดเผ็ดหมูป่า-ไข่ยางมะตูม 2,000 จาน ขณะเดียวกันมีน้ำดื่มสมุนไพร 500 ลิตร และน้ำดื่มจิตรลดาให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์ฯ แจ้งว่า สำหรับวันที่ 1-2 ธ.ค. ที่มีการงดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ทางเต็นท์หน่วยทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ จะงดแจกจ่ายอาหาร แต่ยังมีน้ำดื่มและน้ำสมุนไพรพระราชทานคอยให้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งทุกวันจะมีจิตอาสามาคอยช่วยให้บริการเสิร์ฟน้ำดื่มและอาหาร โดยเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ที่มีจิตอาสามาช่วยเพียงพอแล้ว แต่วันธรรมดาจะมีจิตอาสาจำนวนน้อย ทำให้บริการไม่ทั่วถึง จึงขอเชิญชวนโรงเรียนต่างๆ ช่วยนำกลุ่มนักเรียนจิตอาสามาให้บริการประชาชนในวันธรรมดา เพื่อให้บริการได้ทั่วถึงมากขึ้น

ขณะที่เต็นท์มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ภายในท้องสนามหลวง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทานมาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน สำหรับวันนี้มีหน่วยแพทย์ เภสัชกร พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลและบุคลากรจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จำนวน 15 คน พร้อมด้วยแพทย์และพยาบาล จากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ จำนวน 4 คน มาให้บริการดูแลประชาชนตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. โดยส่วนใหญ่ประชาชนจะมีอาการปวดศรีษะและมีไข้หวัดมาเข้ารับการรักษา

เวลา 12.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงพระราชทานอาหารมื้อกลางวัน ให้เจ้าหน้าที่นำมาแจกจ่ายให้ประชาชนด้วย สำหรับเมนูวันนี้เป็นข้าวอบน่องไก่ซอส 500 กล่อง พร้อมขนมและน้ำดื่ม

จากนั้นเวลา 13.30 น. สถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) หรือบ้านราชาวดีหญิง จ.นนทบุรี นำเด็กพิการอายุระหว่าง 7-18 ปี จำนวน 23 คน เข้าถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

นางวิมลพรรณ กุญแจทอง ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) กล่าวว่า วันนี้เด็กทุกคนต้องการที่จะมาถวายบังคมพระบรมศพ เพราะเด็กๆ เหล่านี้รับรู้ถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ทุกเช้าเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนจะเล่าถึงพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงงาน เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามให้เด็กฟังทุกวัน จนเด็กเหล่านี้เขาซึมซับเข้าไปในความรู้สึก

นางวิมลพรรณ กล่าวต่อว่า วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ผู้ปกครองทุกคนได้บอกเด็ก ซึ่งเด็กทุกคนที่ทราบข่าวล้วนอยู่ในอาการนิ่งสงบ อันเป็นสิ่งที่ขัดกับพฤติกรรมของเด็กๆ ที่มีความบกพร่องทางด้านนี้ มักจะอยู่นิ่งเฉยไม่ค่อยได้ และที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็ได้จัดกิจกรรมถวายอาลัยมาโดยตลอด ทั้งลงนามถวายอาลัย และทำพิธีแปรอักษร

นางวิมลพรรณ กล่าวอีกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพื้นที่ราชพัสดุจำนวนหนึ่งใน จ.นนทบุรี เพื่อสร้างสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา (หญิง) ให้เด็กๆ เหล่านี้มีที่พักที่อยู่อาศัย ถึงแม้ว่าพระองค์จะไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินมา แต่คณะผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ทุกคนยังคงจดจำพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่ทรงเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลเด็กๆ เหล่านี้ให้ดี เพราะเขาเกิดมาเป็นแบบนี้ก็น่าเห็นใจอยู่แล้ว อีกทั้งยังถูกทอดทิ้งจากผู้เป็นบุพการีผู้ให้กำเนิด ฉะนั้นผู้ปกครองที่บ้านราชาวดีทุกคน จะดูแลเด็กกลุ่มนี้ให้ดีที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อเป็นการตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

ด้าน น.ส.ประภาพร นกนาก อายุ 16 ปี พิการขาอ่อนแรงทั้งสองข้างตั้งแต่กำเนิด กล่าวว่า ตอนที่ตนและครอบครัวทราบว่าพระองค์สวรรคตก็เสียใจกันมาก แม้ว่าตนจะไม่เคยไปรับเสด็จฯ หรือเห็นพระองค์ทรงงาน แต่พ่อกับแม่ก็จะบอกเสมอว่านี่คือพระเจ้าอยู่หัวของเรา พระองค์ทรงงานหนักและทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พ่อกับแม่จะสอนเสมอให้ตนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ทำได้

น.ส.ประภาพร กล่าวต่อว่า พวกตนมาเข้าคิวสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.30 น. แม้จะรอนาน แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อเลย ถึงจะไม่ได้ขึ้นไปถวายบังคมพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ได้กราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ด้านล่างก็ดีใจและภูมิใจมากแล้ว เพราะในชีวิตนี้ตนไม่รู้จะทดแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่มีต่อพวกเราชาวไทยได้อย่างไร ตนก็ได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย ตนตั้งใจว่าจะเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ และช่วยพ่อแม่ทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เวลา 16.00 น. สำนักพระราชวังได้ยุติการให้เข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว และเปลี่ยนทางเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จากประตูมณีนพรัตน์มาเป็นประตูวิเศษไชยศรี โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศยังคงหลั่งไหลมาถวายบังคมพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่ได้จัดแถวให้ประชาชนที่เข้ามาถวายบังคมพระบรมศพเดินเรียง 4 แถวอย่างเป็นระเบียบผ่านประตูพิมานไชยศรี และยืนตั้งแถวรอหน้าบริเวณพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ก่อนเข้าถวายบังคมพระบรมศพในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ โดยมีจิตอาสาคอยให้บริการเข็นรถเข็นให้ผู้สูงอายุและผู้พิการที่เข้าถวายบังคมพระบรมศพด้วย ซึ่งประชาชนต่างมีสีหน้าเศร้าโศก บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

ดร.สิรินันท์ ศรีวีระสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ตัวแทนครูและนักเรียนรวม 15 คน เดินทางมาถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า เสียใจเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงพานักเรียนมาร่วมแสดงความอาลัย โดยเมื่อปี 2501 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปที่โรงเรียน พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทต่อคณะครูว่า ให้ครูรักเด็ก ดูแลเด็กให้ดี ซึ่งคณะผู้บริหารเองก็ได้น้อมนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาบูรณาการใช้ในการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระวิชา โดยให้เด็กได้ทำงาน และนำเสนองานด้วยหลักพอเพียง ทั้งในงานด้านการวิจัยและด้านการพัฒนา

ด้านนายวิลเลี่ยม ฟรานซิส อายุ 63 ปี ชาวรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เดินทางพร้อมด้วยนางณัชชา ทับซ้าย อายุ 54 ปี ภรรยาชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าวพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต ผมได้ตัดสินใจกลับจากอเมริกามาประเทศไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน รู้สึกเสียใจมากที่พระองค์สวรรคต เพราะตนอยู่เมืองไทยมา 13 ปี เห็นพระองค์ทรงงานเพื่อคนไทยทุกคน ทั้งคนแก่ คนจน คนด้อยโอกาส ทำให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้วตนมีโอกาสได้รับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แม้จะรอรับเสด็จกว่า 6 ชั่วโมง แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด เช่นเดียวกับวันนี้ที่ออกมารอต่อแถวตั้งแต่เวลา 02.00 น.

“ผมรักในหลวงมาก รักมากที่สุดในโลก รู้สึกว่าต้องมากราบสักการะพระองค์ให้ได้ และหากมีโอกาสก็จะมาอีกครั้ง ที่สำคัญคือผมภาคภูมิใจมาก คือ ในหลวงประสูติที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผมเอง” นายฟรานซิส กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เวลา 17.30 น. ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์ ทรงเป็นประธานสดับปกรณ์ในพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน