เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางเข้าถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยบริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง และท้องสนามหลวงตั้งแต่เช้าจรดบ่ายมีประชาชนจำนวนมากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อุ้มลูกจูงหลาน บางส่วนมาเป็นครอบครัว และหมู่คณะ ต่างเข้าแถวรอเข้าถวายบังคมพระบรมศพอย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยปลายแถวนั้นยาวจรดพื้นที่ท้องสนามหลวงโดยรอบ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เทศกิจและกลุ่มอาสาสมัครยังคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน นอกจากนี้ ยังมีบริการอาหาร น้ำดื่มและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่คอยให้บริการ โดยกระจายตามจุดต่างๆ ด้านเต็นท์พักคอยด้านทิศเหนือ
สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจและนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) ยังปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดคัดกรองทั้ง 8 จุดรอบท้องสนามหลวงอย่างเข้มงวด เพื่อทำการตรวจค้นร่างกาย กระเป๋าสัมภาระ อาวุธและสิ่งผิดกฎหมาย รวมไปถึงตรวจบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือเดินทาง สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อปกป้องกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจปะปนเข้ามา
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่เต็นท์บริการอาหารกองทัพอากาศ (ทอ.) กลุ่มนักปั่นจักรยานกองทัพอากาศ (ทอ.) จากกองบินทางภาคใต้ ประกอบด้วย กองบิน 56 สงขลา กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี และกองบิน 5 ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนทั้งสิ้น 7 นาย ร่วมกิจกรรม “ปั่นไปกราบพ่อของแผ่นดิน” โดยเริ่มปั่นจากท่าอากาศยานทหาร กองบินที่ 56 (บน.56) หาดใหญ่ จ.สงขลา มาถึงท่าบริเวณท้องสนามหลวง เป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 9 วัน เพื่อร่วมกิจกรรมแจกอาหารให้แก่ประชาชน
น.อ.อ.นพดล โพธิ์สง่า รองผอ.กองการภาพและผลิตสื่อ สำนักกิจการพลเรือนและประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศดอนเมือง กทม. ผู้ปั่นนำขบวน กล่าวว่า ได้เดินทางไปรับนักปั่นตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยเริ่มต้นตั้งแต่สายใต้ใหม่ และมาถึงสนามหลวงเวลา 09.00 น. เนื่องจากว่าเหล่านักปั่นไม่ทราบเส้นทาง เกรงว่าจะปั่นอ้อมและอาจมาถึงช้ากว่ากำหนด ซึ่งอาจทำให้การดำเนินกิจกรรมล่าช้าออกไป
ด้าน พ.อ.อ.หญิง นันทพร ศรีวังแก้ว หนึ่งในนักปั่นทอ. กล่าวว่า แม้จะเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีม แต่ก็ใช้ความสามารถและแรงกายที่มีทำจนสำเร็จ และไม่คาดคิดด้วยว่าการเดินทางในครั้งนี้จะสร้างมิตรภาพระหว่างทางได้มากมาย ตนเริ่มเข้าร่วมขบวนปั่นจาก บน.7 ในวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่จุดเริ่มต้นในครั้งนี้คือ บน.56 ออกเดินทางจากหาดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยประชาชนที่ทราบว่าพวกตนเดินทางผ่านถนนเส้นใด ก็จะนำอาหารและนำดื่ม มารอแจกให้ฟรี สิ่งนี้ถือเป็นกำลังใจของเหล่านักปั่น ซึ่งในทุกๆ 30 กิโลเมตร จะหยุดพัก 1 ครั้ง
“เป็นความสมัครใจของทหารกล้าทั้งหมด 7 คน และพี่ที่นำขบวนอีก 1 คน ถ้าเกิดเราไม่ทำตอนนี้ เราก็มีไม่มีโอกาสแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ เพราะตลอดระยะทางประชาชน ได้ฝากความหวังมากับนักปั่น ด้วยความที่เราเป็นทหาร เราแข็งแรง ถือความตั้งใจของเราเป็นที่หนึ่ง ซึ่งระยะทางรวม 1,053 กิโลเมตร เจอทั้งลม แดด เหนื่อยสุดๆ แต่ก็ไม่ท้อ มีพี่น้องประชาชนเป็นกำลังใจ เขาบอกว่าไม่มีโอกาสได้ไป ขอฝากกราบพ่อหลวงด้วย ยิ่งทำให้เราต้องทำหน้าที่ข้าของแผ่นดินให้สมเกียรติ กับคำว่า ทหารของพระราชา” พ.อ.อ.หญิงนันทพร กล่าว
