จากกรณีสภ.คอหงส์ รับแจ้งเหตุพบศพถูกเผานั่งยาง บริเวณป่าพรุและทุ่งนาร้าง บ้านท่านางหอม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นศพของน.ส.ภิญญดา แป้นจันทร์ อายุ 48 ปี หรืออ้อย นักธุรกิจขายตรงและขายประกัน ซึ่งเป็นเศรษฐินีหน้าตาดี ซึ่งหายออกไปจากบ้านตั้งแต่คืนวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับรถเบนซ์สีดำ

จุดพบศพเผานั่งยางเศรษฐินี บริเวณป่าพรุและทุ่งนาร้าง บ้านท่านางหอม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

คดีเผานั่งยางเศรษฐินี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งชิ้นส่วนกระดูกไปทำการตรวจเอกลักษณ์บุคคลว่าตรงกันหรือไม่ และเร่งติดตามจับกุมอดีตสามีผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ ยังได้กันพื้นที่บ้านพักของนักธุรกิจสาวผู้เสียชีวิตเป็นเขตหวงห้ามด้วย

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. วันที่ 2 พ.ค. พ.ต.อ.สืบสกุล มณีนวล ผกก.สอบสวน สภ.คอหงส์ เปิดเผยว่า ขั้นตอนของคดียังอยู่ระหว่างการส่งเศษกระดูกที่พบไปให้แพทย์ฝ่ายนิติเวชน์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ตรวจพิสูจน์ เพื่อยืนยันเอกลักษณ์บุคคลว่าเป็นศพของน.ส.ภิญญดาจริงหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้น จะนำไปสู่ขั้นตอนการออกหมายจับผู้ต้องสงสัย ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลพร้อมหมดแล้ว โดยคาดว่าน่าจะเป็นอดีตสามีเก่าของน.ส.ภิญญาดา

ส่งเศษกระดูกตรวจพิสูจเอกลักษณ์บุคคลตรงกับเศรษฐินีหรือไม่

พ.ต.อ.สืบสกุล กล่าวต่อว่า ส่วนการติดตามตัวอดีตสามีเก่าซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย ทางชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา ได้ลงพื้นที่หาเบาะแส โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาก็เกือบได้ตัวแล้ว แต่เมื่อผู้ต้องสงสัยทราบข่าวจากทางสื่อมวลชนว่าพบศพน.ส.ภิญญดา ก็ได้ทำการหลบหนีออกนอกพื้นที่ทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยเป้าหมายในการติดตามเพื่อไม่ให้ผู้ต้องสงสัยไหวตัวทัน

ด้าน ด้าน พล.ต.ต.ปรีดา เปี่ยมวารี ผบก. จ.สงขลา เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ จึงได้สั่งการให้ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และสภ.คอหงส์ เร่งทำการสอบสวนพยานหลักฐานต่างๆให้รัดกุมที่สุด เนื่องจากเกี่ยวเนื่องกัน 2 พื้นที่ หากผลตรวจออกมาว่าเป็นศพของน.ส.ภิญญดา ก็สามารถออกหมายจับได้ทันที








Advertisement

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานที่บ้านของเศรษฐินี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่บ้านเลขที่ 418/7 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.ภิญญดา และคาดว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่ถูกฆ่าเสียชีวิตนั้น ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าเก็บหลักฐานเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงกันเป็นเขตหวงห้ามเพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน

นอกจากนี้ รายงานข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยถึงสาเหตุของการฆาตกรรมว่า แม้ว่าทั้งผู้เสียชีวิตและอดีตสามีจะเลิกรากันไปแล้ว แต่ระยะหลังสามีได้เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านหลังเดียวกัน โดยคืนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้มีปากเสียงกันเรื่องที่อดีตสามีขอเงินใช้เพียงไม่กี่ร้อยบาท แต่อาจจะทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดอารมณ์เสียหรือหงุดหงิด จึงมีปากเสียงกันและบานปลายจนถึงขั้นฆ่ากันเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนวิธีการฆ่ายังไม่สามารถระบุได้ ก่อนที่จะนำศพมาเผาทำลายหลักฐานและหนีไปพร้อมกับรถเบนซ์

กันบ้านเศรษฐินีเป็นเขตหวงห้าม ป้องกันหลักฐานหาย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน