เมื่อเวลา 06.20 น.วันที่ 3 มิ.ย. พ.ต.ท.ธีรยุทธ เสรีนนท์ชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.วิภาวดี รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาออก ใกล้ตลาดใหม่ดอนเมือง แขวงและเขตดอนเมือง กทม. จึงรุดตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพฯและอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร ก่อนถึงตลาดใหม่ดอนเมือง ซึ่งเป็นถนน 4 เลน ระหว่างตอม่อที่ 98 และ 99 ในช่องทางขวาสุดพบรถแท็กซี่สาธารณะ สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทษ9162 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายจรูญ ขันสังข์ อายุ 60 ปี เป็นคนขับ ที่ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก ซึ่งถูกรถแท็กซี่สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทห2237 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนที่ท้ายรถพังยับเสียหาย มีนายจำนง ปราอาภรณ์ อายุ 53 ปีคนขับได้รับบาดเจ็บที่ขาไปด้วยเช่นกัน

สภาพรถกระบะพุ่งชนท้ายแท็กซี่

ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร ด้านหลังรถแท็กซี่ทั้ง 2 คันยังพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนส์เงิน หมายเลขทะเบียน ชห4417 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยินจอดขวางช่องทางที่ 3 และ4 จากการตรวจสอบในรถพบนายถวิล ศรีจันทร์ อายุ 50 ปี เป็นคนขับ และนางฉวี ศรีจันทร์ อายุ 51 ปี ภรรยาที่นั่งมาด้วย ซึ่งได้รับบาดเจ็บฟกช้ำตามลำตัวและใบหน้าทั้งคู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลทำแผลเบื้องต้น ก่อนนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 รายส่ง รพ.ภูมิพลฯ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยปฐมพยาบาลโชเฟอร์แท็กซี่ได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุยังพบแท่งแบริเออร์พลาสติกได้รับความเสียหายอีก 1 อัน จึงเก็บรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน

ที่เกิดเหตุชนซ้ำซ้อน 8 คัน

จากการสอบสวนนายณรงค์เดช ธนโชติ อายุ 38 ปี พยานในเหตุการณ์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังยืนเคลียร์เรื่องรถยนต์กับคู่กรณี ภายหลังที่ตนขับรถชนท้ายกับรถคันอื่นอีกจำนวน 5 คัน ในช่องทางขวาสุดซึ่งรถตนเป็นคันสุดท้าย และเห็นว่าช่วงเช้านี้รถกำลังวิ่งเยอะจึงบอกคู่กรณีช่วยลากแบริเออร์พลาสติกที่อยู่ใกล้ๆไปวางขวางถนนเอาไว้ ซึ่งห่างจากจุดที่รถชนกันประมาณ 20 เมตร เพื่อเป็นการเตือนรถยนต์คันอื่นๆให้ทราบ

ช่วงเวลาห่างประมาณ 10 นาที ตนได้ยินเสียงรถชนกันดังสนั่น จึงเดินออกมาดูก็พบว่ามีรถแท็กซี่คันสีเหลืองชนท้ายรถแท็กซี่สีชมพู ตรงจุดที่ตนนำแบริเออร์ไปวางไว้ และก็ได้ยินเสียงรถเบรกลากยาวดังมาก เมื่อมองไปก็เห็นรถกระบะวิ่งมาพุ่งชนท้ายรถแท็กซี่สีเหลืองเข้าซ้ำอีก ก่อนรถกระบะจะหมุนไปหยุดขวางช่องทางที่ 2 หลังจากนั้นจึงเห็นคนขับออกมาจากตัวรถ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ด้านพ.ต.ท.ธีรยุทธ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเป็นเหตุชนท้ายกันธรรมดา ซึ่งต้องแบ่งออกเป็น 2 คดีโดยคดีแรกเป็นการชนท้ายกันจำนวน 5 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างรอประกัน ส่วนอีกเคสเป็นเหตุชนท้ายกันเช่นกันจำนวน 3 คัน ในเวลาใกล้เคียงกันและจุดเกิดเหตุใกล้กันอีก

จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่า ขณะรถของกลุ่มแรกชนกันก่อนทำให้รถได้รับความเสียหายทั้ง 5 คัน ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกจากจุดเกิดเหตุได้ เมื่อรถที่ตามมาเห็นข้างหน้ามีอุบัติเหตุจึงชลอความเร็วรถ เพื่อที่จะเบี่ยงออกแต่ไม่ทันระวังจึงทำให้พุ่งชนท้ายกันจนเป็นเหตุให้มีคนเจ็บ และเบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด เนื่องจากยังไม่ได้สอบสวนคนขับรถทั้งหมด 3 คัน รวมถึงผู้โดยสารอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน จึงต้องรอให้รักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีก่อน จึงจะเรียกมาสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน