พระพรหมเมธี มุ่งขอลี้ภัยซุกเยอรมัน เนื่องจากรู้ตัวว่ากระทำผิดร้ายแรง ไม่ใช่แค่คดีทุจริตเงินทอนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องเสื่อมเสียที่ร้ายแรง
จากกรณีพบรถตู้หรูโตโยต้า อัลพาร์ด ของ พระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด จอดทิ้งอยู่หน้ากุฏิเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ตำรวจคาดว่าลูกศิษย์พาหนีไปประเทศเพื่อนบ้านนั้น ตามที่ข่าวเสนอไปนั้น อ่านข่าว ด่วน! จับ‘พระพรหมเมธี’ได้แล้วหลังหนีไปยุโรป ผบ.ตร.บินด่วนคุมตัวกลับไทย
จากนั้นพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สืบทราบว่าพระพรหมเมธี หรือพระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม หนึ่งในผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินทอนวัด หลบหนีไปที่สปป.ลาวแล้ว ผบ.ตร.จึงประสานตำรวจลาวให้จับตัวทันที แต่พระพรหมเมธีเกิดไหวตัวทัน จึงเดินทางไปยังกัมพูชา แล้วขึ้นเครื่องบินไปลงยังสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เมื่อคืนที่วันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในไทย
อ่านข่าว ด่วน! จับ‘พระพรหมเมธี’ได้แล้วหลังหนีไปเยอรมัน ผบ.ตร.บินด่วนคุมตัวกลับไทย
อ่านข่าว ‘บิ๊กแป๊ะ’ประสานตร.สากลอายัดตัวพระพรหมเมธี จนมุมสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมัน
ต่อมาพล.ต.อ.จักรทิพย์ประสานตำรวจสากลให้อายัดตัวพระพรหมเมธีได้ที่สนามบินดังกล่าว และขณะนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ กำลังเดินทางไปรับตัวพระพรหมเมธีกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจชุดสืบสวนจับกุมพบว่า พระพรหมเมธี เดินทางเข้าประเทศเยอรมัน โดยมีเป้าหมายคือ สำนักงานผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ในเยอรมัน เพื่อจะขอยื่นเรื่องเป็นผู้ลี้ภัย ส่วนสาเหตุที่พระพรหมเมธี ต้องหลบหนีและต้องขอสิทธิ์เป็นผู้ลี้ภัยให้ได้ เนื่องจากรู้ตัวว่ากระทำผิดร้ายแรง ไม่ใช่แค่คดีทุจริตเงินทอนเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องเสื่อมเสียที่ร้ายแรง โดยเฉพาะมีสีกาใกล้ชิดและอยู่กินเป็นภรรยา นอกจากนี้ยังให้สีการายนี้ออกงานใหญ่ร่วมกันเสมอๆด้วย ไม่เว้นงานพิธีสำคัญ ทำให้รู้ตัวว่าจะต้องโดนลงโทษหนัก เพราะทำเสื่อมเสียอย่างรุนแรง
