เจอแต่โพรงตัน! ทีมเก็บรังนกโรยตัวสำรวจ ลุยหาใหม่เชิงถ้ำหลวง
จากปฏิบัติการระดมค้นหานักฟุตบอลเยาวชน ทีมหมูป่าอะคาเดมี 12 คน และผู้ฝึกสอนอีก 1 คน รวม 13 ชีวิต ที่สูญหายไปขณะเข้าไปเที่ยวภายใน ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา กระทั่งเจ้าหน้าที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ได้ค้นหาและให้การช่วยเหลือได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนตามมาด้วยปฏิบัตินำทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำ แต่ต้องรอฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงก่อน
โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่บริเวณหน้าถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากทีมเก็บรังนกจากเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง เตรียมเดินทางกลับบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่พบตัวทั้ง 13 ชีวิตในถ้ำหลวง แต่ขณะที่เครื่องบินกำลังจะออกนั้น เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อให้กลับมาร่วมกันปฏิบัติภารกิจช่วยทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำ โดยทำหน้าที่ค้นหาปล่องหรือโพรงเหนือถ้ำหลวง บริเวณเนินนมสาว ซึ่งเป็นจุดที่ 13 ชีวิตติดอยู่ เนื่องจากภายในถ้ำมีน้ำท่วมขังสูง จึงเป็นอุปสรรคในการพาตัวออกมา ที่สำคัญเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดที่เข้าไปพบทั้ง 13 ชีวิตได้พูดคุยทราบว่า ก่อนหน้านี้ช่วงที่ติดอยู่ในถ้ำ ได้ยินเสียงไก่ขันในตอนเช้า ทำให้เชื่อว่า บริเวณเหนือถ้ำอาจมีโพรงที่สามารถลงไปบริเวณเนินนมสาวได้
จากนั้นทีมเก็บรังนกได้ลองสำรวจบริเวณเหนือถ้ำ จุดเนินนมสาว พบโพรง 2 แห่ง จึงได้ลงไปสำรวจ แต่จากการลงไปพบว่าทั้ง 2 โพรงเป็นทางตันและไม่สามารถลงไปได้ โดยทีมเก็บรังนกเตรียมสำรวจหาโพรงเหนือเนินนมสาวเพิ่มเติม
สำหรับความคืบหน้า ช่วงเย็นวันที่ 6 ก.ค. ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมะแอน คงเหลา หนึ่งในสมาชิกทีมเก็บรังนก เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมของการโรยตัวสำรวจปล่องต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเป็นทางเชื่อมโยงภายในถ้ำตามหน้าผาดอยผาหมีวันนี้ ยังไม่พบปล่องที่สามารถทะลุผ่านไปยังโถงภายในตัวถ้ำได้ เนื่องจากปล่องส่วนใหญ่ที่โรยตัวเข้าไปทำการตรวจสอบในวันนี้ พบว่าเมื่อโรยตัวเข้าไปภายในปล่องประมาณ 100 เมตรมักจะเจอทางตัน หรือทางบรรจบกับปล่องอื่น
“ส่วนตัวมองว่าอยากให้ลองสำรวจหาปล่องถ้ำแถวบริเวณเชิงเขาที่มีความสูงจากพื้นดินไม่มากนักมากกว่า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเองก็มีปล่องเป็นจำนวนมากเช่นกัน อีกทั้งปล่องบริเวณดังกล่าวน่าจะมีโอกาสที่จะทะลุถึงภายในถ้ำได้มากกว่าปล่องที่อยู่ในพื้นที่สูง”
