เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ราชอาณาจักรภูฏาน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า ประเทศไทยกับราชอาณาจักรภูฏาน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทั้งระดับราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนมาอย่างยาวนานถึง 27 ปี ที่ผ่านมาสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จพระราชดำเนินมายังประเทศไทยหลายครั้ง เพื่อทรงศึกษาและเข้าเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากทรงยึดถือแนวพระราชดำริการพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความโทมนัสยิ่ง สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก สมเด็จพระราชบิดา และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงนำคณะสงฆ์ ข้าราชการอาวุโสและประชาชนชาวภูฏานร่วมจุดดวงประทีป 1,000 ดวง และสวดมนต์เพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วิหารเกนรา แห่งทาชิโชซอง กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และทรงมีพระราชบัญชาให้วัดทั่วประเทศจัดพิธีจุดดวงประทีปและสวดมนต์ เพื่อเป็นการแสดง ความไว้อาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย
นอกจากนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงกำหนดให้วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นวันไว้ทุกข์พร้อมให้ลดธงลงครึ่งเสา เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระเกียรติคุณ โรงเรียนและสถานที่ราชการให้หยุดทำการ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางไปร่วมพิธีสวดมนต์ที่วัด หลังจากนั้นในวันที่ 15 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก พร้อมด้วยพระโอรสเสด็จฯ มายังประเทศไทย เพื่อร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับภูฎาน รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย (วธ.) และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา ได้บูรณาการความร่วมมือกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรภูฏาน จัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สายสัมพันธ์ไทย-ภูฏาน (The Royal Thai-Bhutanese Photo Exhibition A Tribute to HM King Bhumibol Adulyadej) ระหว่างวันที่ 8-31 ธ.ค.59 ณ ราชอาณาจักรภูฏาน
โดยวธ. ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการในครั้งนี้ด้วย สำหรับเนื้อหาในนิทรรศการประกอบด้วย 5 ส่วน คือส่วนที่1.ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างราชวงศ์ไทยกับราชวงศ์ภูฏาน ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เคยเสด็จเยือนมาประเทศไทยหลายครั้ง เพื่อทรงศึกษาพระราชกรณียกิจของในหลวงรัลกาลที่ 9 เพื่อนำไปปรับใช้พัฒนาประเทศ และทรงยึดแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแบบอย่างในการพัฒนาประเทศ และเนื้อหาส่วนนี้ ยังมีเรื่องราวเมื่อครั้งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนภูฏาน และพระราชทานความช่วยเหลือวิชาการ และการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กในชนบทของประเทศภูฎานอีกด้วย
2.เป็นพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่พระราชสมภพ การขึ้นครองราชย์ พิธีบรมราชาภิเษก ราชาภิเษก และพระปรีชา พระอัจฉริยะภาพในด้านต่างๆของพระองค์ ทั้งดนตรี ศิลปะ กีฬา
3.เป็นเนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ที่ทรงงานหนักตลอด 70 ปีของการครองราชย์ ทั้งการแก้ไขปัญหาที่ทำกิน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น การใช้หญ้าแฝกอนุรักษ์ดินและน้ำ และการจัดตั้งโครงการพระราชดำริต่างๆ
4.เป็นส่วนของการแสดงความอาลัย แสดงภาพเรื่องราวทั้งชาวไทยและชาวภูฏาน ที่ร่วมกันถวายความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และการเสด็จมาร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลที่ประเทศไทยของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี นัมเกล วังชุก
5.การฉายวิดีทัศน์ เรื่อง ธ สถิตย์ไว้ในดวงใจไทยนิรันดร์ จำนวน 2 ตอน ซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และการแสดงความอาลัยของประชาชนที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 นอกจากนี้ ยังมีวิดีทัศน์อีก 1 ตอนเกี่ยวกับการทรงงานของพระองค์