แม่น้องสโนว์ หลั่งน้ำตา หลังศาลตัดสินโทษประหารผู้ใหญ่บ้าน ลั่นฟ้ามีตา (คลิป)

จากกรณี ศาลอุทธรณ์ภาค 4 นัดให้พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และนางลำใย พลประสิทธิ์ แม่น้องสโนว์ โจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งร่วมกันยื่นฟ้อง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหา ข่มขืนและทำร้ายร่างกาย น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ อายุ 18 ปี หรือ น้องสโนว์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เสียชีวิต ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นช่วงปลายปี 2559 ศาลชั้นต้นจังหวัดกาฬสินธุ์ ตัดสินประหารชีวิต แต่อดีตผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธสู้คดี และศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ที่บัลลังก์ 6

อ่าน ศาลอุทธรณ์ ยืนคำตัดสิน ประหารชีวิต อดีตผู้ใหญ่บ้าน ฆ่าข่มขืน น้องสโนว์!

ทั้งนี้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 10.45 น. โดยศาลได้ใช้เวลาในการอ่านนานกว่า หนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที โดยสาระสำคัญในส่วนจำเลย ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์มานั้น มีการนำสืบพยานแวดล้อมและประจักษ์พยาน รวมถึงการหาข้อโต้แย้งในส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยสรุปว่าไม่สามารถรับฟังได้ แต่ในส่วนของโจทก์ ถึงแม้จะไม่มีประจักษ์พยานแน่ชัดแต่ปรากฏพยานแวดล้อมที่ให้การสอดคล้องกันร่วมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรอยแผลที่บริเวณนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟันของมนุษย์ และลูกอัณฑะ เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ ที่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืนโทษประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม ตามศาลชั้นต้น

ภายหลังคำตัดสิน นางลำใย พลประสิทธิ์ แม่น้องสโนว์ และญาติต่างพากันหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ โดยกล่าวของคุณกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ และสื่อมวลชน ที่ติดตามตามคดีนี้และคนไทยทั่วประเทศที่รู้เรื่องราวของครอบครัวต่อการสูญเสียบุตรสาวอย่างไม่มีวันกลับ

โดยนางลำใย กล่าวว่า ภายหลังทราบคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 4 รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมามาก เพราะตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือน หรือกว่า 935 วัน หลังเกิดเหตุที่ต้องสู้มาถึงวันนี้ เพื่อลูกสาว ซึ่งต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตลอดจนญาติๆและประชาชนชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา แม้หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวทุกคนยังจดจำและภาพยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อขับรถไปขายของผ่านจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านทุกวันเห็นทีไรก็ต้องปวดใจทุกครั้ง ปัจจุบันหากคิดถึงลูกทำได้เพียงดูรูปภาพที่ติดไว้ข้างผนังบ้านและเข้าไปดูภาพเก่าๆในเฟสบุ๊คของลูกสาว พร้อมกับเล่นเฟสบุ๊คแทนลูกสาวคอยโต้ตอบญาติ เพื่อนและประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวและคอยให้กำลังใจน้องสโนว์

“ต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่ช่วยลูกตาสีตาสา ช่วยให้คนที่ไม่มีอะไรเลย ได้รับความเป็นธรรม แม่จะไม่หยุดเรื่องนี้จะให้ลูกได้รับความเป็นธรรมให้ได้ ฟ้าดินมีตา ความเป็นธรรมเกิดกับครอบครัวเราแล้ว ขอบคุณคนทั้งประเทศที่ติดตามเป็นกำลังใจมาตลอด แม้ว่าแม่จะไม่ได้รับอะไรเลย แต่ขอให้เขาได้รับโทษ กับสิ่งที่เขาทำ ทำอะไรก็ต้องได้แบบนั้น ขอให้เขาได้รับโทษสูงสุดของเขา เราไม่ใช่หมูใช่หมาใช่ไก่”นางลำไย กล่าว

นางลำใย กล่าวอีกว่า เรื่องราวดังกล่าวถือเป็นเคราะห์ร้ายและความโชคร้ายของครอบครัวพลประสิทธิ์ เพราะนอกจากจะสูญเสียน้องสโนว์ไปโดยไม่มีวันหวนกลับแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิต เพราะต้องนำมาใช้จ่ายตั้งแต่งานศพและในเรื่องของคดีจนหมด จำเป็นต้องนำที่นาไปขายและที่ทำกินไปจองนองกู้เงินจาก ธกส.ไปแล้วเกือบ 1 ล้านบาทมาเป็นค่าใช่จ่ายและนำมาเป็นทุนในการขายของ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุครอบครัวยุ่งอยู่กับคดีไม่มีเวลาขายของทำให้ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว

“ทุกๆวันเวลาคิดถึงลูกก็จะเอาภาพเก่าๆ มาดู บางคืนก็สะดุ้งตื่นมานั่งร้องไห้ เพราะคิดถึง ฝันเห็น ตลอด ซึ่งหากลูกสาวไม่เสียชีวิตขณะนี้ก็น่าจะกำลังเรียนพยาบาลตามความฝันที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน แต่ก็ได้บอกกับตัวเองเพียงว่าลูกสาวไปสู่สุขคติแล้ว แม่ก็ได้ไว้ทุกข์นุ่งขาว ห่มขาวตลอดชีวิต และทางครอบครัวจะสู้ถึงที่สุด เพื่อให้ผู้ที่ทำผิดรับโทษทางกฎหมายอย่างสูงสุด โดยเฉพาะโทษประหารชีวิต เพราะจะได้เป็นบทเรียนและไม่อยากให้เรื่องแบบนี่เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย”นางลำไย กล่าว

ด้าน น.ส.ภัทรานิฐ พลประสิทธิ์ 31 ปี พี่สาวน้องสโนว์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกภาคส่วน และขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้กำลังใจครอบครัวพลประสิทธิ์และที่สำคัญขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ความยุติธรรมมีจริง ทำให้ผู้บริสุทธิ์ไม่ตายฟรี ฟ้ามีตา ใครทำอะไรผลกรรมก็จะได้รับแบบนั้น ทั้งนี้อยากบอกน้องสโนว์ว่าครอบครัวสู้เพื่อน้องมาตลอด และขณะนี้ก็ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่จะดูแลพ่อกับแม่เอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน