‘ศรีวราห์’ ให้เวลา 30 วัน ต้องรู้ผลสอบคลิปเสียงเรียกสินบน 3 แสนล้มคดีน้องหญิง พร้อมสั่งตรวจสอบพยานคดีโดนข่มขู่ ลั่นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์อ๊อฟฆ่าน้องหญิง

พ่อน้องหญิงขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว

จากกรณีเกิดการร้องเรียนว่า น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง อายุ 19 ปี ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่อ.บางปะอิน จ.อยุธยา และเสียชีวิตเนื่องจากกะโหลกศีรษะแตก สมองบวม โดยผู้ชายที่ขับรถเทรลเลอร์มาส่งน้องหญิง อ้างว่าผู้เสียชีวิตได้กระโดดลงจากรถไปเอง แต่ผลชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์ระบุว่า ถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมที่ท้ายทอย ญาติติดใจการเสียชีวิต ล่าสุดนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และพ่อของน้องหญิง เข้าพบตร.ร้องทุกข์กล่าวโทษให้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กับนายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ คนขับรถเทลเลอร์ ที่อยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้าย นั้น อ่านข่าว แห่ศพ‘น้องหญิง’ร้องภ.1ขอความเป็นธรรม แฉพยานโดนขู่-จี้โอนคดีให้กองปราบทำ

สั่งสอบคลิปเสียง/เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าจังหวัดยะลา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ น.ส.นีรกานต์ ยาวิราช หรือน้องหญิง วัย 19 ปี ซึ่งมีนายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ ตกเป็นผู้ต้องหา ว่า ในประเด็นที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและครอบครัวของน้องออกมาระบุว่า มีการวิ่งเต้นเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาในตอนแรก และไม่มั่นใจในการทำคดีของตำรวจภูธรบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจภาค1 อ่านข่าว สั่งสอบสินบน3แสนล้มคดีน้องหญิง ‘ศรีวราห์’ มั่นใจเอาผิดอ๊อฟฆ่าคนตายโดยเจตนา

รวมทั้งข่มขู่พยาน ว่า ในประเด็นที่อ้างว่ามีคลิปเสียงเรื่องการเรียกรับสินบน 300,000 บาทนั้น ตนได้ฟังแล้ว ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบ ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีคำสั่งตั้งไปเมื่อวานนี้ จะดำเนินการตรวจสอบทั้งการตรวจสอบคลิปว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ รวมถึงกรณีที่มีการกล่าวหาต่างๆ เรื่องนี้สั่งการให้ตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยให้เวลา 30 วัน ในการไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้รายงานมายังตนด้วย

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสอบสวนคดีอาญานั้น เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ขณะนี้การสอบสวนคดียังอยู่ในความรับผิดชอบของท้องที่เกิดเหตุ กองบัญชาการภูธรภาค 1 ส่วนกองบังคับการปราบปรามก็มีหน้าที่สืบสวนอยู่ ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาว่าจะสั่งการในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการทำคดีทั้งต่อผู้เสียหายและต่อภาพรวมทั้งหมดมากที่สุด

โดยมีแนวทางดังนี้ 1.ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แล้วดึงคดีทั้งหมดมาทำ 2.ยังคงให้ตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้รับผิดชอบทำคดี 3.ให้กองบังคับการปราบปรามทำคดี และ 4.ให้ร่วมกันทำงาน โดยให้พนักงานสอบสวนเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาแต่มีอีกหน่วยร่วมสืบสวน อย่างไรก็ตาม การที่ตนจะพิจารณาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับระเบียบกฎหมาย คำนึงถึงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นหลัก

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการข่มขู่พยานที่เกี่ยวข้องนั้น สั่งการให้ไปตรวจสอบและดูแลแล้ว คดีนี้พยานบุคคลมีความสำคัญน้อยมาก แต่พยานแวดล้อมอื่นๆ ทั้งไทม์ไลน์ของการสื่อสารไทม์ไลน์ของสัญญาณจีพีเอส รวมถึงพยานแวดล้อมที่ระบุชัดเจนว่านายสุรพล หรืออ๊อฟ อยู่กับผู้ตายเพียง 2 คนก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งเสียชีวิต

ก็มีความชัดเจนมีน้ำหนักมั่นใจจนสามารถแจ้งข้อหาได้แล้ว แม้ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานทางการแพทย์อย่างเป็นทางการถึงผลชันสูตรสาเหตุการตาย แต่จากการสืบสวนในมุมของนักสืบชัดเจนแล้วว่า น้องหญิงไม่ได้เสียชีวิตด้วยตนเอง รอยต่างๆไม่ได้ทำเอง ไม่ได้ตกจากรถ

ทั้งตอนรถหยุดหรือรถวิ่ง ตามที่มีการกล่าวอ้างของผู้ต้องหาแน่นอน แต่ถูกค้อนตีที่ท้ายทอยจนเสียชีวิต ในทางสืบสวนรอยที่ท้ายทอยของน้องหญิงและค้อนที่ยึดได้เป็นวัตถุพยานหรือที่สงสัยอาวุธมีความสัมพันธ์กัน แต่อย่างไรก็ตามในการทำสำนวนคดีในชั้นศาล จะต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีรายงานรับรองอย่างเป็นทางการ

“คดีนี้มั่นใจในหลักฐาน 100 เปอร์เซ็นต์ จึงดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้แจ้งข้อกล่าวหาแก่นายสุรพล 3 ข้อหาคือ 1.กักขังหน่วงเหนี่ยว 2.ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ 3.เจตนาฆ่า แม้ผู้ต้องหายังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนและการสืบสวนมั่นใจในพยานหลักฐาน ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม คดีนี้ผมยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมแน่นอน” รอง ผบ.ตร. กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน