เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ด้านความมั่นคง พล.ต.อ.เดชา ชวยบุญชุม รรท.ที่ปรึกษา (สบ10) คณะตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทหารเรือ กรมป่าไม้ โดยสารเฮลิคอปเตอร์จากสภ.เมืองภูเก็ต มายังเกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อตรวจสอบกรณีมูลนิธิธรรมกายบุกรุกที่ดิน ป่าสงวนแห่งชาติควนจุกเกาะยาวน้อย โดยประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ที่ดินจังหวัดพังงา ตัวแทนสำนักพุทธศาสนา ที่ห้องประชุมอันดามัน โรงเรียนเกาะยาววิทยา

4-2

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการตรวจพื้นที่เกาะยาวน้อย พบมีการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิล์ดพีซมุกตะวัน3แห่ง พบว่าพื้นที่มุกตะวัน1 มีพื้นที่ทั้งหมด 137 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 40 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 21 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าไม้ 19 ไร่ คิดเป็นมูลค่าเสียหาย 2.7 ล้านบาท และจากการตรวจสอบของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)

พบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีมูลนิธิธรรมกาย เป็นผู้ถือครองโดยมีพระธัมมชโย เป็นประธานจากการตรวจสอบมีการอ้างว่า มีเอกสารสิทธินส.3 ก. จำนวน 33 แปลง รวม 140 ไร่ ซึ่งเป็นของมูลนิธิธรรมกาย จำนวน 28 แปลง มีนายเพชร์ แก่นทรัพย์ อายุ54 ปี ชาวอ.ภูเรือ จ.เลย ถือครอง 4 แปลง และมีน.ส.นวลนิตย์ หงส์วิวัฒน์ ถือครองจำนวน 1 แปลง ตรวจสอบพบว่าที่ดินของนายเพชร์ มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ไปแล้ว1 แปลง จำนวน 13 ไร่ 75 ตารางวา เมื่อปี 2547 จากการตรวจสอบพบว่านายเพชร์ ยังเป็นผู้รับมอบจากมูลนิธิธรรมกายหรือเรียกว่านอมินี รวมทั้งว่า นายเพชร์มีความเชื่อมกับการรุกป่าในพื้นที่อื่นๆด้วย เช่น วัลเล่ย์เวิล์ดพีซ จ.เลย

รองผบ.ตร. กล่าวว่า นอกจากนี้ พบการก่อสร้างอาคาร 18 หลังในมุกตะวัน1 บนเกาะยาวน้อย และพบว่าเคยก่อสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย แต่เพิ่งมีการรื้อถอนเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมป่าไม้ตรวจพื้นที่ป่าที่มีการบุกรุก แผ้วถาง อ้างเอกสารสิทธิ สร้างอาคาร โดยให้ตรวจสอบว่าการอนุญาตให้สร้างอาคาร แผ้วถาง ของ อบต.เกาะยาว ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พร้อมทั้งให้ตรวจสอบการเสียภาษีต่างๆ ทั้งนี้พบพิรุธในการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ มุกตะวัน 1 นส3ก. เลขที่963เกาะยาวน้อย เดิมที่ดินมีเพียง2ไร่ 80 ตารางวา มีการโอนสิทธิหลายครั้ง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2539 มีการโอนจากผู้ได้สิทธิเดิมให้มูลนิธิธรรมกาย แต่พบว่าพื้นที่นี้มีการขยายจาก2ไร่ เป็น15 ไร่ 2 งาน 72 ตารางวา และเมื่อดูรูปแปลงที่ดินแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ในพื้นที่มุกตะวัน1มีที่ดินนส3ก.บวม รวม4แปลงมุกตะวัน2ที่ดินบวม1แปลง มุกตะวันที่ดินบวม3แปลง ต้องเสนออธอธิบดีกรมดีดินตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง

“ยังพบว่ามูลนิธิธรรมกาย มีการขายแพ็คเกจปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ราคา1,900-5,900 บาท ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ป่าโดยมิชอบหาประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งให้สรรพพากรตรวจสอบเก็บภาษี ทั้งนี้แม้เป็นมูลนิธิแต่กลับมีการหารายได้ และจากการตรวจสอบนายเพชร์ พบว่าเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2549 มูลนิธิธรรมกาย ตั้งอยู่เลขที่23/2 ม.7 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้มอบอำนาจให้ทำนิติกรรมรับโอนที่ดินแก่นายเพชร์ ซึ่งครั้งนั้นมีกรรมการมูลนิธิ 13 ราย แบ่งเป็นพระสงฆ์9 รูป และบุคคลทั่วไป 4 ราย โดยมีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ตำแหน่งสมัยนั้น) หรือพระธัมมชโย เป็นประธานกรรมการ และมีพระปลัดสุธรรม สุธัมโม ผู้ช่วยเจ้าวาสวัดธรรมกายปัจจุบันเป็นกรรมการและเลขานุการ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ส่วนมุกตะวัน 2 มีการถือครองพื้นที่ทำประโยชน์ 162 ไร่ ระบุชื่อนายเพชร์ แก่นทรัพย์ เป็นผู้ครอบครอง แต่ตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธ์ และอยู่ในพื้นที่ป่าสวงวนแห่งชาติ รวม 82 ไร่ มูลค่าเสียหาย 5.6 ล้านบาท ถัดออกไปเป็นมุกตะวัน 3 มีการยึดครองพื้นที่ทำประโยชน์ 100 ไร่ แต่เมื่อตรวจไม่มีเอกสารสิทธิและตรวจสอบพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ 44 ไร่ มูลค่า เสียหาย 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รวมพื้นที่รุกป่าของมูลนิธิธรรมกายและนอมินิ รวมทั้ง 166 ไร่ การบุกรุกพื้นที่ทั้งหมดเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 ประมูลไม้ที่ดินพ.ศ. 2497 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507

ทั้งนี้ อบต.เกาะยาวน้อย แจ้งต่อที่ประชุม ว่าพบว่าสถานปฏิบัติธรรมมุกตะวันทั้ง 3 แห่งมีการสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาต 82 หลัง นอกจากนี้ จะนำไปตรวจยึดดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน