‘อัจฉริยะ’ หอบหลักฐานเด็ด แฉขบวนการช่วย เอมี่ แม่มา หลุดคดีค้ายาเสพติด เผยมีพลเรือน และตำรวจเกี่ยวข้องหลายนาย จี้เปลี่ยนตัวตำรวจ สน.สายไหม ออกจาก คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง หวั่นไม่เป็นธรรม ลั่น ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ถาม ‘ทนายตั้ม’ ทำไมร้อนตัว

จากกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. หลังได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่าคดียาเสพติด ซึ่งมี นายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย หรือ เอมี่ จาคอป อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือให้ น.ส.อาเมเรีย หลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล

เอมี่ / ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานมายื่นต่อ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อขอเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในสังกัด สน.สายไหม ออกจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เนื่องจากจะทำให้การสืบสวนสอบสวนไม่เป็นธรรม เพราะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเป็นของ สน.สายไหม ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นรายชื่อพยานบุคคล และรายชื่อของคนที่จ่ายเงินต่างๆ วันนี้ก็คงยังไม่มอบให้ พล.ต.ต.สมพงษ์

อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นหลักฐานที่บช.น.

อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นหลักฐานที่บช.น.

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า เพราะหากชื่อหลุดไปแล้ว ทาง พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม ทราบ อาจจะทำให้เกิดปัญหา หากพนักงานสอบสวน สน.สายไหม มีส่วนเกี่ยวข้องจริงตามพยานหลักฐานที่ได้มา ผกก. ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากมาอยู่ในคณะกรรมการก็จะไม่เป็นธรรมสำหรับตน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขบวนการที่กล่าวถึงมีลักษณะเป็นอย่างไร นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งพยานหลักฐานมีชัดเจน มีทนายความที่เคยว่าความในคดีนี้ ที่ถูกเลิกจ้างไปหลายคน ซึ่งทนายความคนแรกและคนที่ 2 ได้เห็นสำนวนการสอบสวนทั้งหมด เมื่อมีการไปเบิกความในคดีก็จะเห็นว่ามีการเลือกพยานมาเบิกความ

วันที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าทำการจับกุมเอมี่ และแฟนหนุ่ม ในคดียาเสพติด (แฟ้มภาพ)

วันที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าทำการจับกุมเอมี่ และแฟนหนุ่ม ในคดียาเสพติด (แฟ้มภาพ)

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าสังเกตคือ ไม่มีการเบิกความพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ไม่ได้ถูกเบิกความในศาล ทั้งนี้ ยังมีการช่วยเหลือ นายปุณยวัจน์ โดยจ้างตำรวจให้ช่วยลดโทษ เป็นการรับประกันล่วงหน้าว่าหากรับสารภาพเพียงคนเดียวก็จะได้ลดโทษ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ศาลาแดง เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ในเมื่อคดีนี้อยู่ที่ สน.สายไหม

ถามต่อว่า คดีของ น.ส.อาเมเรีย ทราบจำนวนเงินที่มีการวิ่งเต้นคดีหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนทราบเพียงว่ามีการเบิกเงินจาก จ.ภูเก็ต ของธนาคารกรุงเทพจำนวนมาก หลักหลายล้านบาท ซึ่งตนบอกรายละเอียดมากไม่ได้ แต่เอาเป็นว่ามีหลักฐานการเบิกเงินแน่นอน ส่วนขบวนการนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกี่นาย และพลเรือนกี่คนนั้น พบว่ามีพลเรือนไม่ต่ำกว่า 4 คน ตำรวจ 2 คนขึ้นไป โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ส่วนจะเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีหรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้ แต่มีพยานหลักฐานชัดเจน

ถามด้วยว่า หนักใจหรือไม่ที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จะเดินทางมาพบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก็เรื่องของเขา เพราะตนร้องเรียนตำรวจ ทำไมเขาต้องร้อนตัว ถามว่าเจอกันได้ไหม ไม่เจออยู่แล้วเดี๋ยวตนไปสอบปากคำ ไม่รู้จะเจอไปทำไม

วันที่เอมีได้รับการปล่อยตัว (แฟ้มภาพ)

วันที่เอมีได้รับการปล่อยตัว (แฟ้มภาพ)

ถามต่อว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าทำไมวันนี้นายษิทราต้องรีบนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้ามาให้คณะกรรมการ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จริงๆ มันผิดปกติอยู่แล้ว เพราะตนไม่ได้ร้องเรียนเขา เขาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมต้องพา น.ส.อาเมเรีย มา เพราะมันใกล้อุทธรณ์ เขากลัวว่าถ้าเกิดอัยการยื่นอุทธรณ์ เขาต้องสู้คดีต่อ

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ซึ่งตนก็บอกไว้อยู่แล้วว่าภายในวันที่ 24 ก.ย.นี้ จะยื่นคำร้องต่ออัยการให้มีการอุทธรณ์คดีนี้ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยพยานหลักฐานที่จะนำไปยื่นเป็นพยานบุคคล 3 ราย ที่ยืนยันว่า น.ส.อาเมเรีย ค้ายาเสพติด

“สาเหตุที่ออกมาเปิดโปงแก๊งดังกล่าว เนื่องจากผมตรวจสอบมาหลายเดือนแล้ว และทราบว่าทนายความคนดังกล่าว มีพฤติการณ์อย่างไร ไม่ใช่ว่าเราทำงานร่วมกัน แต่ผมเฝ้าติดตามพฤติกรรมเขามาโดยตลอด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง หากเป็นเรื่องไม่จริงผมก็ต้องรับผิดชอบ คนอย่างผมทำอะไรผมรับผิดชอบ ผมลูกผู้ชายพออยู่แล้ว ผมทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง” นายอัจฉริยะ กล่าว

ประธานชมรมฯ กล่าวต่อว่า คดียาเสพติดเป็นเรื่องของบ่อนทำลายชาติ คนที่รับเงินยาเสพติดเป็นคนที่ทำลายชาติบ้านเมือง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาการขัดแย้งส่วนตัว ทุกอย่างทำตามพยานหลักฐาน ซึ่งถ้าเรื่องไม่มีมูล ผบช.น. คงไม่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเราพาพยานบุคคลมาหา ผบช.น.แล้วครั้งหนึ่ง

ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการเรียกคณะทำงานมาประชุมแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเอกสารคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ จึงให้พนักงานสอบสวนในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไปขอคัดคำพิพากษา และจะมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ จะต้องเรียก นายอัจฉริยะ และ น.ส.อาเมเรีย มาสอบปากคำเพิ่มเติม

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า นายอัจฉริยะก็แจ้งความประสงค์ว่าจะมาเข้าพบตน ซึ่งอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีก็จะสอบปากคำและรวบรวมไว้ จะทำแบบตรงไปตรงมา และจะได้ดูว่ายังมีความบกพร่องตรงจุดไหน หรือข้อจุดอ่อนของการทำสำนวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์ ซึ่งคำพิพากษาจะลงรายละเอียดทั้งหมดว่าสาเหตุที่ศาลยกฟ้องข้อหาจำหน่ายเนื่องจากสาเหตุใด ถ้าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมีการลงโทษทางวินัย ถ้าผิดอาญาก็ลงโทษทางอาญา

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอัจฉริยะระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือหลายนาย พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า การพูดใครก็พูดได้ แต่มันต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แล้วคนพูดก็ต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนเอง ท่าน ผบช.น. พูดไว้อยู่แล้วว่าให้ทำตรงไปตรงมา ถ้าตำรวจผิดก็ต้องเล่นงานตำรวจ แต่ถ้าตำรวจไม่ผิดคนพูดต้องรับผิดชอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน