กรณีดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้รายใหญ่ของประเทศยึดทรัพย์สินกว่า 150 ล้าน มีลูกหนี้ทั่วประเทศถึง 1.7 แสนราย เงินหมุนเวียนกว่า 4 พันล้านบาท คิดดอกเบี้ยวันละ 20-25 บาท พร้อมเครือข่ายลูกน้องกว่า 3 พันคน โดยสั่งอายัดรถหรู-มอเตอร์ไซค์อีกนับร้อยคัน เปิดตู้เซฟ 2 ตู้พบเงินสด-ทองคำ-พระเครื่อง เผยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปช่วยเคลียร์คดี และพบเสี่ยใหญ่ในปทุมธานีเป็นหัวหน้าแก๊ง เร่งสอบเจ้าหน้าที่รัฐนับพันชื่อที่มีเอี่ยวหลังมีข้อมูลเข้าไปเกี่ยวข้อง ด้านรองปลัดยุติธรรมเผย เสี่ยวิชัยติดต่อขอมอบตัวแล้ว ส่งทนายแจ้งพนักงานสอบสวนให้ไปรับตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว ดีเอสไอเร่งสอบ จนท.รัฐนับพัน เอี่ยวแก๊งปล่อยเงินกู้เถื่อนรายใหญ่ ทั้งช่วยเคลียร์คดี-บังคับจ่ายหนี้!

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกรดำเนินการกับกลุ่มขบวนการปล่อยหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่าย ผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท และจากข้อมูลยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอีกกว่า 1,000 คน ว่าในส่วนของนายวิชัย ปั้นงาม ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว ให้ทนายความทำหนังสือมายังพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยแจ้งว่าจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 05.30 น. โดยขอให้จัดกำลังและพนักงานสอบสวนไปรับมอบตัวด้วย เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า ในเวลาเดียวกันก็มีผู้ประสานงานมายังตนว่านายวิชัยจขอเข้ามอบตัว และได้พูดคุยถึงเรื่องการประกันตัวด้วย โดยถามเกี่ยวกับวงเงินการประกันตัว ซึ่งตนก็ถามกลับไปว่า หากนายวิชัยต้องการมอบตัว ก็ต้องมอบตัวจริงๆตามหนังสือที่มีการระบุ ไม่ใช่พอถึงเวลาและคิดว่าจะไม่ได้ประกันตัวก็ไม่มามอบตัว ถ้าอย่างนั้นก็หนีต่อไปดีกว่า ซึ่งก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เมื่อคดีถึงชั้นศาล ตนก็ไม่รู้ว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ เพราะว่าเขาหลบหนี ส่วนจะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปรอรับนายวิชัยอย่างไรนั้น เป็นเรื่องของดีเอสไอ

รองปลัดยธ. กล่าวอีกว่า สำหรับรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้กว่า 1,000 รายชื่อนั้น ตนพูดคุยกับพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และพนักงานสอบสวนแล้วว่าให้จัดทำเรื่องดังกล่าว เป็นบันทึกลับส่งมายังตน เพื่อส่งให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อไปดำเนินการต่อไป ซึ่งรายชื่อดังกล่าว จะต้องนำเข้าที่ประชุม ศอตช. เพราะว่าอำนาจหน้าที่ของศอตช.จะต้องเข้ามาดูแลข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมโดยตรง ซึ่งศอตช.มีหน่วยงานหลายหน่วยที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐระดับไหนเกี่ยวข้องบ้างนั้น เมื่อเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม ศอตช. แล้ว ก็ขอให้ศอตช.เป็นผู้มอบหมายการทำงานต่อไป

“ขณะนี้นายวิชัยถูกดำเนินคดีในข้อหาเป็นอั้งยี่ และพ.ร.บ.เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และพนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการเกี่ยวกับคดีฟอกเงิน ส่วนทางครอบครัวของนายวิชัยจะเกี่ยวหรือไม่นั้น ต้องขอตรวจสอบเส้นทางการเงินก่อน ทั้งนี้ คดีนี้ต้องเป็น 2 กรณีคือ 1.อั้งยี่ ซึ่งใครที่เป็นสมาชิกในแก๊งนี้ ก็จะต้องถูกออกหมายจับทุกคน และ 2.ฟอกเงิน เงินที่ได้จากการกระทำความผิดมีการผ่องถ่ายไปอยู่ใครบ้าง ซึ่งต้องแยกกัน” รองปลัดยธ. กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายวิชัยไม่เดินทางกลับมายังประเทศไทยจะทำอย่างไร พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ตนว่าเขาจะต้องกลับมา เพราะว่าวีซ่าของประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่อยู่ได้ตลอดชีวิต ถ้าเขาจะหนีก็ต้องหนีไปประเทศอื่น ซึ่งเขามีธุรกิจอยู่และเราก็รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหนบ้าง

เมื่อถามว่า รายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการคัดกรองใช่หรือไม่ ว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยไหน หรือสังกัดใดบ้าง รองปลัด ยธ. กล่าวว่า ที่จริงแล้วเราไม่ต้องคัดกรอง เพราะในเซิร์ฟเวอร์ที่เรายึดได้ของกลุ่มนี้มีการบันทึกไว้ชัดแล้วว่า ชื่ออะไร เบอร์โทรศัพท์อะไร และสังกัดอะไรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ถามถึงกรณีมีชื่อนักการเมืองในพื้นที่ จ.อุทัยธานี เข้าไปเกี่ยวข้อง พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ตามข่าวมีแต่คำพูด ซึ่งจากพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและเอกสารยังไม่มี ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัย รวมถึงพนักงานสอบสวนก็ได้ตั้งประเด็นไว้ว่า มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ทั้งนี้ เรานัดหมายภายในสัปดาห์นี้จะประชุมร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่าเริ่มเห็นความเชื่อมโยงของเส้นทางการเงินไปในทิศทางใด เพื่อที่จะได้ประชุมวางแผนการทำงานอีกครั้ง

เมื่อถามต่อว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีถึงระดับกระทรวงหรือไม่ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ยังไม่มี เราต้องดูเรื่องเส้นทางการเงินก่อนว่าทางลูกข่ายมีการส่งเงินขึ้นมาอย่างไร และนายวิชัยมีเส้นทางการเงินเชื่อมกับใครบ้าง ซึ่งคดีนี้เป็นคดีมูลฐานความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เราก็ต้องดำเนินการอีกคดีหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ตนไม่เคยทำคดีไหนไปต่อรองกับใคร ประวัติของตนคือทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน และไม่เคยรังแกใคร

เมื่อถามอีกว่า มีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานหรือสังกัดหรือไม่ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รองปลัด ยธ. กล่าวว่า ตอนนี้มีรายชื่อของเจ้าหน้าที่ 1,000 รายชื่อหลายสังกัดแน่นอน เราก็ต้องตรวจสอบว่าเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ทั้งนี้ เครือข่ายของนายวิชัยมีกว่า 80 เครือข่ายทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ก็กระจายไปอยู่ตามนั้น

เมื่อถามถึงกรณีมีคนโทรศัพท์มาเคลียร์เรื่องดังกล่าวให้กับนายวิชัย พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า เขามาพบตนด้วยตัวเอง ไม่ใช่การโทรศัพท์ ซึ่งขณะนี้เขายังรับราชการอยู่ ส่วนจะเป็นข้าราชการในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดนั้น เอาเป็นว่าเขายังรับราชการอยู่ อีกทั้ง กรณีที่เขาเคยบอกว่าจะดูแลทางตนนั้น ตนก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ต้องมาดูแล เพราะถ้าดูแลก็ต้องดูแลลูกหนีเกือบ 200,000 คน คงดูแลไม่ไหวหรอก เพาะฉะนั้น ก็ให้ต่างคนต่างอยู่ไป ส่วนคนดังกล่าวจะเป็นระดับนายพลหรือไม่ ตนขอปิดไว้ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน