เมื่อเวลา 07.10 น. วันที่ 29 ธ.ค. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมศพ ทรงกราบหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร

จากนั้นทรงประเคนภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 28 ธ.ค. โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ได้แก่ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกรมธุรกิจพลังงาน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เวลา 10.30 น. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดบวรนิเวศวิหารและวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงาน ได้แก่ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. หลังสำนักพระราชวังปิดการขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.37 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 56,181 คน รวม 59 วัน มี 2,460,887 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 5,106,683 บาท รวม 59 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 197,653,824.75 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 60 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 05.00-21.00 น. (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)

ซึ่งสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนกลุ่มแรกเข้าสักการะพระบรมศพทางประตูวิเศษไชยศรีในเวลา 04.40 น. จากนั้นเวลา 08.00 น. ได้เปลี่ยนให้เข้าทางประตูมณีนพรัตน์ เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี โดยประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเฝ้ารอต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด ภายหลังเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึก

น.ส.วิภารัตน์ สิริบูรณ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พร้อมกับสามีและลูกสาว กล่าวว่า ตนมาเข้าคิวที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 03.00 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 11.00 น. คิดว่ารอไม่นานและไม่รู้สึกเหนื่อยเลย โดยครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก เพราะรักและคิดถึงพระองค์มาก ตั้งแต่จำความได้ ตนก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนและประเทศชาติมากมาย ส่วนตัวได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาวช้ในการดำเนินชีวิตและใช้จ่ายอย่างประหยัด

น.ส.วิภารัตน์ สิริบูรณ์ อายุ 33 ปี และครอบครัว

น.ส.วิภารัตน์ กล่าวต่อว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีมาก ในชีวิตนี้ตนยังไม่เคยมีโอกาสได้รับเสด็จก็รู้สึกเสียดายมาก แต่ตนภูมิใจและดีใจมากที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9 ตนได้อธิษฐานขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์อีก ตนตั้งใจจะทำความดีและเป็นคนดีของสังคมเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณ

น.ส.พลอยชมพู วิลัยหก อายุ 21 ปี และ น.ส.เอมวิภา เหม็งศรี อายุ 20 ปี

นางเสลา ก้อนแก้ว อายุ 89 ปี ชาว จ.นนทบุรี ที่มากับนางรุ่งรัตน์ ก้อนแก้ว ลูกสาว กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ เพราะซาบซึ้งและประทับใจในทุกๆ อย่างที่พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนคนไทย ตนรักในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เคยได้ไปลงนามถวายพระพรและรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ทรงพระสรวลและยกพระหัตห์ให้ประชาชนที่รับเสด็จ รู้สึกปลื้มใจมาก

นางเสลา ก้อนแก้ว อายุ 89 ปี ชาว จ.นนทบุรี และลูกสาว

ด้านนางรุ่งรัตน์ กล่าวน้ำตาคลอว่า ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยและได้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนที่ทราบข่าวการสวรรคตเสียใจมาก อยากให้พระองค์อยู่เป็นขวัญกำลังใจประชาชนและประเทศชาติตราบนานเท่านาน ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ทรงงานหนักและทรงนึกถึงประชาชนก่อนเสมอ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนทั่วไทย หาผู้ใดจะมาเปรียบเทียบได้ เวลาที่ท้อแท้ก็จะนึกถึงพระองค์เสมอ และจะยึดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ตนโชคดีที่มีโอกาสรับเสด็จและชมพระบารมีของพระองค์ สมัยที่เรียน ป.5 โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ โดยเป็นตัวแทนรอรับเสด็จครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่านเส้นทางหน้าโรงเรียนฯ ได้เห็นพระองค์บนรถพระที่นั่ง รู้สึกตื้นตัน แม้เป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังจำได้ไม่ลืม

ขณะที่น.ส.พลอยชมพู วิลัยหก อายุ 21 ปี และ น.ส.เอมวิภา เหม็งศรี อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกการขับร้อง มหาวิทยาลัยรามคำแหง สองสาวผู้พิการทางสายตาแต่กำเนิด พร้อมใจกันใช้เวลาในวันหยุดเดินทางมาสักการะพระบรมศพ โดยเดินทางมากันเองด้วยรถแท็กซี่ในตอนเช้า และตั้งใจใช้บริการขนส่งมวลชนกลับหอพักย่านรามคำแหง

น.ส.พลอยชมพู เผยความรู้สึกว่า ประทับใจและตื้นตันที่ได้เดินทางเข้ามากราบพระบรมศพได้สำเร็จ ส่วนตัวได้ยินเรื่องราวของพระองค์มาเยอะมาก จากการบอกต่อของรุ่นพี่ในโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ ว่าพระองค์เป็นผู้มีพระเมตตาต่อผู้พิการทางสายตามาก สมัยก่อนพระองค์โปรดทรงดนตรีกับนักเรียนตาบอดทุกปี ไม่ถือพระองค์เลย พร้อมให้กำลังใจและสอนผู้พิการให้สู้กับโชคชะตา ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าไม่ท้อถอย

“ส่วนตัวคิดว่าในฐานะคนไทย อยากทำอะไรสักอย่าง และเป็นโอกาสดีที่เรามาอยู่กรุงเทพฯ จึงมีโอกาสเดินทางมาได้ด้วยตัวเอง แม้จะลำบากนิดหน่อยตรงที่มีปัญหาเรื่องสายตาทั้งคู่ ต้องถามทางขอความช่วยเหลือคนรอบตัว ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลืออย่างดีมาตลอดทาง พอมาที่นี่ก็มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก นำทางเข้ามาจนได้เข้ากราบพระบรมศพ ตอนเข้าไปรู้สึกตื้นเต้นและระลึกถึงสิ่งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระเมตตากับคนไทย และรู้ได้ว่าการมาที่นี่สำหรับผู้พิการทางสายตาไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ถ้าเรามีความตั้งใจและกล้าขอความช่วยเหลือจากคนอื่ก็มาถึงได้เช่นกัน” น.ส.พลอยชมพู กล่าวด้วยความปลื้มใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน

โดยแบ่งเป็นมื้อเช้าเวลา 07.00 น. เส้นหมี่กระเพาะปลา 1,500 ถ้วย, กาแฟสด 2,500 แก้ว, นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวันเวลา 11.00 น. ข้าวไข่ลูกเขยราดซอส 1,000 ถ้วย, เส้นหมี่ผัดซีอิ๊วรวมมิตร 1,000 จาน, ข้าวผัดแหนมทรงเครื่อง 1,000 จาน ข้าวแกงระแวงโบราณ 1,000 จาน, ข้าวคั่วกลิ้งไก่ 1,000 จาน, ข้าวหมูทอดกระเทียม 1,000 จาน

มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง, ข้าวเหนียวหมูทอด, ไก่ย่าง 1,000 ห่อ เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 น. ข้าวเหนียวไก่ย่าง 5 ดาว 3,000 จาน โดยมีน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร และน้ำดื่มให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ขณะที่เต็นท์หน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ ฝั่งศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทาน มาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน โดยวันนี้มีหน่วยแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จากโรงพยาบาลธนบุรี รวม 18 คน และโรงพยาบาลตรัง รวม 5 คน มาให้บริการดูแลประชาชนตลอดทั้ง 100 วัน

นอกจากนี้ หน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้ร่วมมือกับกรมการแพทย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และภาคี จัดกิจกรรมแสงส่องไทย ด้วยรักจากใจมอบให้ผู้สูงอายุในโครงการ “คนไทยต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ร่วมมอบแว่นตาแด่สูงอายุ ซึ่งจะมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาพร้อมเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) มาให้บริการตรวจสุขภาพ วัดสายตาประกอบแว่นให้แก่ผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เข้าร่วมโครงการฯ และที่เดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

จากนั้นเวลา 11.00 น. กลุ่มศิลปินตลกแห่งประเทศไทย นำโดยนายศรสุทธา กลั่นมาลี หรือถั่วแระ เชิญยิ้ม นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย นำธูปเทียนแพ มากราบเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทางขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ก่อนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ

ถั่วแระ เชิญยิ้ม กล่าวว่า กลุ่มศิลปินตลกเดินทางมาเพื่อต้องการกราบพระบรมฉายาลักษณ์และพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะต้องการจะบอกให้พระองค์ทรงทราบว่า ชาวไทยในนามศิลปินตลกแห่งประเทศไทย มาขอกราบบังคมลาอุปสมบทหมู่ จำนวน 30 คน เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชน ในส่วนตัวของตนก็ได้น้อมนำทำความดี ทั้งการรักษาศีลธรรม ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ และเดินตามรอยพระยุคลบาทของพระองค์ตลอดไป สำหรับพิธีอุปสมบทหมู่ของศิลปินตลกแห่งประเทศไทย จะมีขึ้นที่วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 17 ม.ค.2560 เวลา 07.00 น. โดยจะบวชเป็นเวลา 9 วัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน