กรมอุทยานรับ! คดี หมีขอ ไทรโยค หลักฐานอ่อนกว่าคดี เสือดำ เปรมชัย

วันที่ 8 ต.ค. นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า คดีล่า หมีขอ อุทยานแห่งชาติไทรโยค เรื่องนี้นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมสั่งการให้ทุกขั้นตอนดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเรื่องสำคัญที่ต้องทำเพื่อให้คดีดังกล่าวมีหลักฐานแน่นหนา

การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และกรมอุทยานฯ ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สัตวแพทย์ ทำงานควบคู่ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเก็บหลักฐานที่มีทั้งหมด เนื่องจากผู้ต้องหาทุกคนยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

นายสมโภชน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจค้นรถกระบะทั้ง 6 คัน เราพบซากสัตว์ป่าเป็นหมีขอ น้ำหนัก 920 กรัม ใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุงมิดชิดและแช่น้ำแข็งไว้ในถังหลังรถอยู่ในรถกระบะเพียงคันเดียว ทราบว่าเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน เป็นคนขับ และให้การว่า ซากหมีขอดังกล่าวได้ไปซื้อมาจากชาวบ้าน ส่วนผู้ต้องหารายอื่นได้ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นการครอบครองสัตว์ป่าแต่อย่างใด

อ่าน ปลัดอำเภอ-แก๊งพรานล่าหมีขอ เจออ่วม 9ข้อหาหนัก ล่าสัตว์สงวนในเขตอุทยาน!

ส่วนอาวุธปืนพบว่าผู้ต้องหาเกือบทุกคนพกอาวุธปืนเข้ามายังพื้นที่อุทยานฯ ทางกรมอุทยานฯ ก็สามารถแจ้งข้อหาพกอาวุธปืนเข้าพื้นที่ได้ ส่วนอาวุธปืนดังกล่าวจะได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น ต้องเป็นกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนต่อไป

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีในขณะนี้จะสามารถดำเนินคดีได้ทั้ง 9 ข้อหาหรือไม่ โฆษกอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า ในขณะนี้ถือว่าหลักฐานยังอ่อน หากเปรียบเทียบกับคดีล่าเสือดำ ของนายเปรมชัย กันสูตร แล้ว เพราะคดีนายเปรมชัย หลักฐานทั้งหมดอยู่ในบริเวณเดียวกัน

แต่คดีล่าหมีในไทรโยค เจ้าหน้าที่ต้องพยายามหาหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาทุกคนให้ได้ เพราะซากหมีที่พบในรถกระบะของเจ้าหน้าที่อส. ผู้ต้องหาทุกคนก็ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราจึงต้องประสานกับทุกภาคส่วนในการเก็บพยานหลักฐานที่มีอย่างหนาแน่น เพื่อจะเอาผิดกับผู้กระทำผิดให้ได้

เมื่อถามว่ากรมอุทยานฯ มีมาตรการการตรวจค้นบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่อุทยานอย่างไรบ้าง โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ทำการตรวจค้นรถยนต์แต่ละคันอย่างคราวๆ แต่คงไม่ได้ตรวจค้นแบบละเอียดอย่างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งการลักลอบนำอาวุธหรือของผิดกฎหมายเข้าพื้นที่ พวกเขาคงต้องซุกซ่อนตามเบาะรถยนต์ หรือส่วนต่างๆ ในรถยนต์เป็นอย่างดีแล้ว

โดยตามปกติเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ก็ใช้สายตาสอดส่องในเบื้องต้นก่อน หรือหากพบพิรุธก็ต้องขอตรวจค้นให้ละเอียดมากขึ้น แต่ในคดีล่าหมี ทราบว่าผู้ต้องหาลักลอบเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯด้วย กระทั่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เข้าจับกุมในเวลาต่อไป โดยกรมอุทยานฯ จะดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุด

อ่าน เปรมชัย ยังแข็งแรง! ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดวินิจฉัย ขอโอนย้ายคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน