ศาลให้ประกัน โอ๊ค พานทองแท้ 1 ล้านบาท พร้อมห้ามออกนอกประเทศ ส่วนคดีรอสอบคำให้การต้นเดือน พย. นี้

โอ๊ค ได้ประกัน – เมื่อเวลา 09.20 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยกับกฤษดามหานคร ได้เดินทางมาพร้อมกับนางพินทองทา คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พี่สาวและน้องสาว ด้วยรถตู้เบนซ์

เพื่อเข้าพบกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เจ้าของสำนวนที่ได้นัดฟังคำสั่งคดีว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ซึ่งวันนี้มีแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทย มาให้กำลังใจจำนวนมาก อาทิ

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายทักษิณ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมงานฝ่ายกฎหมาย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรค

นายพานทองแท้ ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าสดใสก่อนเข้าพบอัยการว่า “ไม่มีความกังวล ได้อยู่ครับ” ส่วนนางพินทองทา และน.ส.แพทองธาร ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กำลังใจดี

จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลการสั่งคดีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ส่งสำนวนไว้เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2561 กล่าวหา นางเกศินิ จิปิภพ ผู้ต้องหาที่ 1 นางกาญจนาภา หงส์เหิน ผู้ต้องหาที่ 2 นายวันชัย หงษ์เหิน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน

นายธรัมพ์กล่าวว่า ในสำนวนคดีนี้ได้แบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก รับโอนเช็ค 26 ล้านบาท ซึ่งอัยการสั่งฟ้องนางกาญจนาภา ผู้ต้องหาที่ 2 กับนายวันชัย ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานสมคบและร่วมกันฟอกเงินตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5,9

และ 60 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึงพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 ปี 2526 มาตรา 4 โดยอัยการมีคำสั่งไม่สั่งฟ้องนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 และนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน กรณีเช็ค 26 ล้านบาท

ส่วนที่สอง รับโอนเช็ค 10 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ได้สั่งฟ้องนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 เพียงคนเดียว ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5,9 และ 60 และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ 5 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 รวมถึงพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 6 มาตรา 4

นายธรัมพ์ กล่าวว่า กลุ่มที่รับโอนเงินได้มาจากการกระทำความผิดนั้น เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนกล่าวหาผู้ต้องหารวมแล้ว 159 คน กระทำผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินมาให้อัยการพิจารณาเพิ่มเติมด้วย

โดยในส่วนผู้โอนเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดนั้น อัยการได้ยื่นฟ้องนายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวกรวม 13 คน ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางไปแล้ว หลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนกล่าวหานายวิชัย มาให้อัยการพิจารณาเมื่อวันที่ 1 มี.ค.2560

ด้านนายประยุทธ กล่าวถึงเหตุสั่งไม่ฟ้องและอายุความดำเนินคดีว่า เหตุผลการสั่งไม่ฟ้องนางเกศินี และนายพานทองแท้ ในกรณีเช็ค 26 ล้านนั้น ขณะนี้ไม่สามารถระบุรายละเอียดทั้งหมดได้เนื่องจากกระบวนการสั่งคดียังไม่ถึงที่สุด เพราะอัยการต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้อง กลับไปให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่

หากพนักงานสอบสวนเห็นพ้องกับอัยการคือสั่งไม่ฟ้อง คดีก็จะเป็นไปตามที่สั่งไว้ครั้งแรก แต่ถ้าพนักงานสอบสวนมีความเห็นแย้ง ยืนยันให้ฟ้อง จะต้องส่งให้อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นผู้ชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย

นายประยุทธกล่าวว่า ในส่วนของนางเกศินี ผู้ต้องหาที่ 1 นั้น ตามสำนวนพนักงานสอบสวนก็มีความเห็นควรไม่ฟ้องมาอยู่แล้ว แต่นายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 พนักงานสอบสวนดีเอสไอมีความเห็นควรสั่งฟ้อง รับเช็คโอนเงินมาทั้ง 2 ฉบับคือ 26 ล้านบาทและ 10 ล้านบาท

ซึ่งอัยการเร่งส่งสำนวนคืนดีเอสไอแล้ว และคาดว่าดีเอสไอจะพิจารณาความเห็นโดยเร็วตามกรอบเวลาภายในอายุความ พร้อมส่งสำนวนและความเห็นการสั่งคดีเช็คเงิน 26 ล้านบาทกลับมาให้อัยการได้ทันเวลาอายุความ

นายประยุทธกล่าวว่า ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุก 1-10 ปี อายุความไม่เกิน 15 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดในช่วงปี 2547-2548 จะเหลือเวลาดำเนินคดีปีเศษ สำหรับผู้ต้องหาในกลุ่มรับโอนเงินอีก 159 คนนั้น คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา หากอัยการมีคำสั่งจะแถลงให้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสั่งคดีวันนี้ ในกลุ่มของผู้ต้องหามีเพียงนายพานทองแท้ ผู้ต้องหาที่ 4 เท่านั้นที่มาให้การกับอัยการ ซึ่งอัยการนำตัวนายพานทองแท้ ไปยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ช่วงบ่ายวันนี้ ส่วนนางกาญจนาภา และนายวันชัย ผู้ต้องหาที่ 2 ที่ 3 ที่อัยการสั่งฟ้องรับเช็คโอนเงิน 26 ล้านบาทนั้น วันนี้ยังไม่มารายงานตัวกับอัยการ จึงนัดให้ทั้งสองมาฟังคำสั่งฟ้องพร้อมนำตัวไปฟ้องในวันที่ 18 ต.ค.นี้

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญาทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง พนักงานอัยการควบคุมตัวนายพานทองเเท้ มาเพื่อส่งฟ้องตัวต่อศาล โดยมีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา เดินทางมาที่ศาลด้วย

เวลา 14.00 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวนายพานทองแท้ โดยตีราคาประกัน 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ภายหลังจำเลยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด พร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนั้น ศาลนัดสอบคำให้การนายพานทองแท้ จำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้เวลา 10.00 น.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน