แม่ขอ อย่าทำร้าย ช็อกคิดสั้น หิ้ว 3ผู้ต้องหา แหกศาล ทำแผน ยายเผยโทรแจ้งตร.จับตัวเอง

แม่ขอ อย่าทำร้าย – หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาชิงรถกรมราชทัณฑ์ขับหนีออกทางด้านหลังศาลได้ในสวนปาล์มชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 12 ต.ปากตะโก จ.ชุมพร และได้ควบตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ในห้องขัง สภ.ทุ่งตะโก ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังระดมกำลังกว่า 300 นาย ปิดล้อมไล่ล่าตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ต.ค.61 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าพบผู้ต้องหา 3 รายที่หลบหนี อยู่ในสวนปาล์มหลังบ้านซึ่งอยู่ติดกับเชิงเขา

อ่านข่าว จับแล้ว 3นักโทษ อันตราย ชิงรถหนี ทนหิวไม่ไหว โผล่จากถ้ำ (คลิป)

หิ้ว 3ผู้ต้องหา ทำแผน แม่ช็อกลูกคิดสั้น

หลังได้รับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. ทหาร เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งศูนย์บัญชาการย่อยอยู่ใกล้เพียง 200 เมตร เดินทางไป พบผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ นายพิเชษฐ์ กลิ่นโอชา อายุ 31 ปี อยู่ ม. 6 ต.กะเปอร์ จ.ระนอง นายธราธิป เพิ่มลาภ อายุ 26 ปี อยู่ ม.3 ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และ นายกฤษฎา เกตุนุ้ย อายุ 36 ปี อยู่ ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ทั้งหมดอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดียาเสพติดและอาวุธปืน ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรยยังนั่งจับกลุ่มอยู่ที่ใต้ต้นปาล์มน้ำมัน มีน้ำเปล่า หลายขวดวางอยู่ ซึ่งบริเวณข้อเท้ายังมีโซ่ตรวนพันธนาการอยู่ทั้ง 3 คน

จากการสอบถามเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันที่พบตัวผู้ต้องหา เล่าให้ฟังว่า ช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.30 น. ตนได้เดินเข้ามาสำรวจสวนปาล์มน้ำมันตามปกติเหมือนทุกวันพร้อมกับสุนัข 2-3 ตัว ตามมาด้วย จนกระทั่งได้ยินเสียงสุนัขเห่าเสียงดัง ตนเอะใจเดินตามเสียงสุนัขไป บริเวณเชิงภูเขา ตกใจเมื่อเห็นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้นั่งอยู่ใต้ต้นปาล์มน้ำมัน เมื่อเห็นตน ทั้งหมดได้ซุกตัวลงนอน ตนจึงได้รีบวิ่งมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ตั้งจุดสังเกตการณ์อยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร จึงรุดเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือประชิดจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนำตัวออกมาควบคุมตัวไว้

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฤษฎา เกตุนุ้ย อายุ 36 ปี ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ที่จุดควบคุมตัวอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน รับสารภาพว่า ขณะกำลังถูกควบคุมตัวเพื่อขึ้นศาลที่อยู่ด้านหลังได้ชิงกุญแจรถที่รปภ.และขึ้นรถสตาร์ตเครื่องหลบหนี โดยที่มีเพื่อนผู้ต้องหากระโดดขึ้นกระบะหลัง และโดนไล่ล่าติดตามอย่างกระชั้นชิดจนขับมาถึงสวนปาล์มชาวบ้านแล้วทิ้งรถกระโดดหนีทั้ง 3 คน และได้วิ่งขึ้นเขา แต่ต้องวกกลับลงมาอีกครั้งเพื่อหาน้ำและกลับเข้าป่าริมแนวชายภูเขาบ้านท่าทอง วันแรกนายกฤษฎารับว่าได้แอบอยู่ในร่องน้ำภายในสวนปาล์มน้ำมันเห็นเจ้าหน้าที่เดินผ่านไปมา จนล่าสุดทนความหิวและแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ไม่ไหวจึงเดินกันลงมาจะอาหารหารกิน กระทั่งสุนัขมาเจอและชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.40 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รรท.ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้เดินทางลงพื้นที่ สภ.ทุ่งตะโก เพื่อเรียกประชุมสรุปปฏิบัติการติดตามผู้ต้องหา ขณะเดียวกันที่บริเวณด้านนอก สภ.ทุ่งตะโกได้มีมารดานายกฤษฎา ผู้ต้องหา และ ญาติจำนวนหลายคน ได้เดินทางมาเยี่ยมแต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เยี่ยม เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง

ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนางฉิ่ง มารดานายกฤษฎา ผู้ต้องหา เผยเพียงว่า “หลังจากนี้อยากให้มีความปลอดภัยแล้วแต่ความสงสารของเขาแล้วกัน คนผิดก็ว่าไปตามผิดฉันไม่รู้จะพูดยังไง”

ต่อมา นพ.ลดิลักษณ์ พิสุทธิ์ปัญญา แพทย์โรงพยาบาลทุ่งตะโก พร้อมด้วยพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลรวม 4 คน ร่วมตรวจสุขภาพผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที พบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีอาการขาดน้ำ บริเวณข้อเท้ามีบาดแผลเกิดจากการเสียดสีของโซ่ตรวน และผิวหนังมีแผลแมลงกัดเล็กน้อย ส่วนอื่นๆต้องรอผลจากเลือดก่อน

แม่ขอ อย่าทำร้าย

ทำแผน 3ผู้ต้องหา แหกศาล

เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดออกทางประตูด้านหลัง สภ.ทุ่งตะโก โดยกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอย่างแน่นหนาขึ้นรถเพื่อนำมาสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 3 คดีตามหมายจับของศาลจังหวัดหลังสวนที่ สภ.หลังสวน ซึ่งต้องหากระทำความผิด เป็นผู้ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลหลบหนีการควบคุม โดยกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฎหมายโดยใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีนางธริษตรา บุญมาก อายุ 48 ปี ชาวอำเภอหลังสวน ซึ่งเป็นมารดาของนายธราธิป เพิ่มลาภ นางนัฐฐิณีย์ ภูมิไชยา ป้าและนางเจียม แน่นอุดร อายุ 82 ปี เป็นยาย

แม่ขอ อย่าทำร้าย

แม่ช็อก ลูกคิดสั้น ทั้งที่ติดคุกไม่นานได้ออกมาเจอลูกจากนี้โดนเพิ่มโทษอีกหลายเท่า

นางธริษตรา กล่าวว่า เดิมลูกชายพักอาศัยอยู่กับน้องชายและทำงานเป็นพนักงานรปภ.อยู่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร ลาออกกลับมาอยู่กับยายที่อำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ประมาณเดือนเศษ โดยก่อนทำงานอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง แต่มารู้อีกทีว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคดียาเสพติด ขณะนั้นลูกชายนายธราธิป อายุเพียง 2 ขวบกว่าๆ ซึ่งวันนี้ได้พามาเยี่ยมผู้เป็นพ่อด้วย รู้สึกเสียใจและตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ลูกชายตนเองไม่น่าจะคิดสั้นอย่างนี้คดียาเสพติดที่ถูกดำเนินคดีคิดว่าไม่นานก็ได้ออกมาอยู่กับลูกกับภรรยา และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพิ่งจะมาเยี่ยมที่เรือนจำและยังพูดย้ำอยู่เสมอว่าต้องทนนะติดประมาณ 4-5 ปีก็ออก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลูกชายตนเองจะคิดสั้นหนีการควบคุมตามคนอื่นๆมาด้วย แต่ติดครั้งนี้คงจะนานเพิ่มเป็น 2-3 เท่า และฝากเตือนวัยรุ่นด้วยว่าอย่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและขอให้ดูลูกชายตนเป็นตัวอย่าง

ส่วนยายของนายธราธิป กล่าวว่า นายธราธิป หลานชาย เป็นคนโทรศัพท์แจ้งตำรวจจับตัวเอง เพราะไม่อยากตกเป็นทาสยาบ้าอีกต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รรท.ผบก.ภ.จว.ชุมพร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ด้านพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาว่ามีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนีบ้างหรือไม่ แต่การหลบหนีน่าจะมีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อน ส่วนการสอบสวนขยายผลขบวนการเครือข่ายยาเสพติด ต้องแบ่งเป็นสองส่วนแต่ถ้ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันจะต้องมีการสอบสวนต่อไป สำหรับข่าวในช่วงแรกเส้นทางการหลบหนีของผู้ต้องหาบอกว่าได้ซ่อนตัวอยู่ในร่องน้ำสวนปาล์มอยู่ใกล้กับที่เจ้าหน้าที่เดินผ่านไปมา เรื่องนี้ เท่าที่ทราบผู้ต้องหาได้หลบขึ้นไปอยู่บนภูเขาที่สุนัขเข้าไปไม่ถึงและค้นหายากเนื่องจากเป็นป่ารกมาก ส่วนสาเหตุที่พบตัวผู้ต้องหาสืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้กดดันปิดล้อม ฝนก็ตก ทำให้ขาดอาหารและอยากจะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนขึ้นรถไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพตามจุดต่างๆ ประกอบด้วยจุดที่ 1 เรือนจำหลังสวน จุดที่ 2 ด้านหลังศาลจังหวัดหลังสวน จุดที่ 3 จอดรถระหว่างทางเพื่อให้ผู้ต้องหาอีกคนมานั่งรวมกันในด้านหน้า จุดที่ 4 คือบริเวณในสวนปาล์มน้ำมันของนายอำพล เมืองนาโพธิ์ อายุ 72 ปี ติดกับแนวชายเขาห้วยค้า-เขาท่าทอง หมู่ 12 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก จุดที่ 5 ทิ้งมือถือก่อนปีนภูเขา และจุดที่ 6 บ้านที่ผู้ต้องหาปีนเข้ารื้อค้น โดยแต่ละจุด การทำแผนประกอบรับคำสารภาพนั้น มีชาวบ้านให้ความสนใจร่วมเฝ้าติดตามเป็นจำนวนมาก ส่วนในวันที่ 14 ต.ค.61 จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน