เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางเข้าพบนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และนายวีระกิตติ์ หาญบริพรรณ์ ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อสอบถามถึงอาการป่วยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. หลังถูกส่งเข้ารักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เนื่องจากมีอาการไข้และหนาวสั่น เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะได้รับการรักษาและถูกส่งตัวกลับมาควบคุมยังเรือนจำเดิมแล้ว เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งสอบถามเรื่องสิทธิ์ของผู้ต้องขังในการได้รับการรักษาพยาบาล ข้อห่วงใยอื่นๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อประชาชนที่ห่วงใยด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วันนี้ตนตั้งใจมาที่กรมราชทัณฑ์ ไม่ได้มาเพื่อสร้างสถานการณ์ว่านายจตุพรเป็นผู้ต้องขังคนพิเศษ หรือต้องการเรียกร้องอภิสิทธิ์ใดจากส่วนราชการ เพียงแต่มาในฐานะพี่น้องที่กอดคอต่อสู้ด้วยกันมา และเห็นข่าวอาการเจ็บป่วยก็มีความห่วงใยในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จึงเดินทางมาสอบถามและทำความเข้าใจให้ตรงกันกับส่วนราชการที่รับผิดชอบ ซึ่งตนได้รับการยืนยันจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่าอาการป่วยเริ่มต้นของนายจตุพรเรื่องกรวยไตอักเสบ ขณะนี้หายดีแล้ว ยังคงต้องให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดอีก 1-2 วัน ส่วนอาการอื่นๆยังไม่มีการตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ก็ขอกรมราชทัณฑ์ว่าให้ดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากพบเห็นสภาพอาการใดๆ ที่บ่งชี้ว่าอาการเดิมกำเริบหรือมีอาการแทรกซ้อน ก็ขอให้ติดตามรักษาอย่างทันท่วงที

เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์อธิบายว่า สิทธิในการรับการรักษาของผู้ต้องขังในความดูแลของกรมราชทัณฑ์นั้น ก็ดูแลตามอาการป่วย ที่จริงเราอยากได้รับสิทธิให้นายจตุพรออกไปตรวจรักษาอาการยังโรงพยาบาลภายนอก แต่เมื่อส่วนราชการยืนยันลำดับ หลักเกณฑ์ ขั้นตอน ก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ จึงขอฝากนายจตุพรไว้ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ไว้ในความรับผิดชอบรัฐบาล เราทราบดีว่าวันนี้พี่น้องของตนเป็นผู้ต้องขังคนหนึ่ง เหมือนผู้ต้องขังคนอื่นๆ และเข้าใจดีว่าในสถานะของผู้ต้องขัง จะไปเรียกร้องอะไรให้มากมายไปกว่าสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

“แต่ด้วยความเข้าใจแบบนี้ก็อยากให้กรมราชทัณฑ์ และรัฐบาลได้โปรดเข้าใจด้วยว่าคดีความที่นายจตุพรต้องถูกจำขังนั้น เป็นคดีความที่เกิดขึ้นจากความเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นความผิดทางอาญาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด ยังอยู่ระหว่างในกระบวนการพิจารณา ซึ่งโดยหลักการก็ถือว่านายจตุพรยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น สิทธิใดๆที่ผู้ต้องขังพึงมี ก็ขอให้นายจตุพรมีด้วย หรือว่าความดูแลใดๆ ถ้าจะกรุณาได้ในฐานะที่นายจตุพรก็เป็นอดีตส.ส. และเป็นบุคคลที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตยมาโดยตลอด เราก็ขอความกรุณา แต่ว่าไม่ต้องการให้ลิดรอนสิทธิของผู้ต้องขังรายอื่นแต่อย่างใด” นายณัฐวุฒิ กล่าว

เลขาธิการ นปช. กล่าวอีกว่า เราทราบดีว่าคนที่อยู่ในนั้นก็มีข้อจำกัดมากมายในชีวิตอยู่แล้ว เราไม่ได้ต้องการอะไรที่เหนือกว่า แต่เราต้องการอะไรที่ชัดเจนตรงไปตรงมา และให้ความยืนยันมั่นใจได้ว่า สิ่งที่สื่อสารกันผ่านสื่อสาธารณะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ชัดเจน ทั้งนี้ อยากเรียนกรมราชทัณฑ์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าตนไม่มีเจตนาที่จะมาเผชิญหน้า หรือสร้างประเด็นทางการเมือง ในสถานการณ์นี้ทั้งสิ้น มาด้วยความห่วงใยพี่น้องที่ต่อสู่มาด้วยกันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามอาการป่วยของนายจตุพรกับกรมราชทัณฑ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งก็จะว่างเว้นการเข้าเยี่ยม และเป็นช่วงเวลาที่ครบกำหนดการให้ยาพอดี จึงขอความกรุณาภายในว่า ถ้ามีอะไรก็ขอให้ประสานกันเพื่อความชัดเจนเท่านั้น

ด้านนายกอบเกียรติ กล่าวว่า สำหรับอาการป่วยของนายจตุพรมีอาการที่ดีขึ้น ในระดับที่สามารถออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลได้แล้ว โดยเหลือเพียงการให้ยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 6 ม.ค.นี้ ซึ่งเราให้ความมั่นใจว่าจะดูแลให้ดีที่สุด โดยขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ส่วนสิทธิในการให้การรักษาผู้ต้องขังนั้น หากผู้ต้องขังมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยเราก็จะส่งตัวรักษายังสถานพยาบาลของเรือนจำ แต่ถ้ามีอาการป่วยหนัก ก็จะต้องส่งตัวออกมารักษายังทัณฑสถานโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม หากอาการป่วยของผู้ต้องขังเกินขีดความสามารถของทัณฑสถานโรงพยาบาล เช่น ไม่มีหมอเฉพาะทางหรือเครื่องมือแพทย์ไม่เพียงพอ เราก็จะต้องส่งตัวออกไปรักษาอาการป่วยยังโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติของกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ เราให้การดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

นายกอบเกียรติ กล่าวต่อว่า เมื่อเกิดอาการถ้าอยู่ในเรือนจำปกติ ก็จะส่งไปที่สถานพยาบาลของเรือนจำ ซึ่งทุกเรือนจำมีสถานพยาบาลอยู่แล้ว และมีพยาบาลวิชาชีพประจำอยู่ตลอด ในบางช่วงจะมีแพทย์ภายนอกเข้ามาตรวจ ถ้าในจังหวะที่แพทย์อยู่ก็สามารถตรวจและวินิจฉัยโรคได้เลย

ส่วนกรณีที่มีแต่พยาบาลก็จะดูแล และจะมีการประสานไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เหมือนกับกรณีของนายจตุพร ซึ่งพยาบาลเป็นคนตรวจ เมื่อดูแล้วอาการไม่ดี ก็จะติดต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้ส่งแพทย์มาตรวจ หรือทางโรงพยาบาลอาจจะเรียกให้ส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลทันที ทั้งนี้ อาการของนายจตุพรไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เป็นปกติสามรรถเดินเหินได้ นอนหลับ พูดคุยรู้เรื่อง ส่วนการดูแลผู้ต้องขังนั้น ก็ดูแลทั่วไปทั้งการกิน นอน และการเยี่ยมญาติ ซึ่งเราให้สิทธิเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน