เรื่องราวสลดรับวันเด็ก น้องเอมื่อ หนูน้อยชาวเขา เผ่ากะเหรี่ยง วัย 5 ขวบ ต้องมาทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา อ.สารภี เชียงใหม่ หลังจากเคราะห์ร้ายถูกพ่อคลั่งยาบ้าใช้อาวุธปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ ใส่ลูกซองดาวกระจาย ยิงใส่ พร้อมแม่เมื่อปี 58 ผลพวงของยาบ้า ที่ทำให้ชีวิตลำบากตั้งแต่เด็ก ต้องเป็นอัมพาตตลอดชีวิต

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ว่า ที่โรงพยาบาลแผกกายภาพบำบัด มีหนูน้อยวัย 5 ขวบ ถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ มาทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาแห่งนี้ โดยหนูน้อยต้องทำกายภาพบำบัดตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าแล้ว และมีมูลนิธิและผู้มีจิตใจสงสารเมตตา ได้ให้การช่วยเหลือ เรื่องรถเข็น ขาเทียม และบริจาคเงินให้บางส่วน หนูน้อยดังกล่าวมีชื่อเล่นว่า ‘เอมื่อ’ หรือชื่อจริงว่า ด.ญ.รัตน์สุดา ประวินไพร ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ โดยมีแม่ คือ นางธิดารัตน์ โล่มโนปกรณ์ อายุ 23 ปี มาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงที่น้องทำกายภาพบำบัด ทั้งหัดขึ้นรถเข็น หัดใส่ขาเทียม ยืนเกาะเหล็กเพื่อการทรงตัว อย่างทรมานและน่าเวทนา ซึ่งสภาพของหนูน้อยดังกล่าวนั้นเกิดจาก พ่อบังเกิดเกล้าแท้ๆ เกิดคลุ้มคลั่งยาเสพติดและใช้อาวุธปืนแก๊ป ลูกซองดาวกระจายยิงใส่ภรรยาและลูกน้อยของตนเอง ก่อนพ่อจะฆ่าตัวตายในที่สุด ส่วนแม่และลูกสาวต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานแบบนี้ตลอดชีวิต

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง รพ.สารภีบวรพัฒนา อ.สารภีเชียงใหม่ ซึ่งพบว่าทางเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด แพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ รวมทั้งแม่ของ น้องเอมื่อ ได้ช่วยกันให้น้องได้ทำกายภาพบำบัด โดยหนูน้อยเอมื่อ ได้ส่งยิ้มเป็นมิตรให้กับทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือ เหมือนมีความหวัง โดยไม่รู้ว่าน้องนั้นต้องเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต จากฝีมือของพ่อตนเอง น้องได้พยายามหัดขึ้นรถเข็นที่ได้รับการบริจาค และขาเทียมที่ต้องใส่ในการหัดยืน ซึ่งก็พัฒนาดีขึ้นตามลำดับ นั่งรถเข็นและสามารถเคลื่อนตวเองได้อย่างคล่องแคล่ว และหัดใส่ขาเทียมยืนวันละ 20 นาที ทุกคนที่พบเห็นก็จะเกิดความสงสารและเอ็นดูถึงความน่ารักของน้องเอมื่อ ที่มองทุกคนและส่งยิ้มให้กับทุกคน ทำให้มีคนร่วมกันช่วยเหลือหนูน้อยคนนี้ ด้วยความสงสาร และเอ็นดู

โดยทางโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้ให้น้องเอมื่อ และแม่ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลบวรพัฒนา แห่งนี้ตลอด โดยมีมูลนิธิและประชาชนได้ชวยเหลือบริจาคเงินให้บางส่วน และทางพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อนเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมุล อ.สารภีเชียงใหม่และเป็นผู้ร่วมกับศิษยานุศิษย์ประชาชน สร้าง รพ.สารภีบวรพัฒนา แห่งนี้ขึ้นมาและได้มอบให้กับทางการแล้ว ได้ให้การช่วยเหลือ โดยให้น้องเอมื่อ เป็นคนไข้พิเศษของ รพ.สารภีบวรพัฒนา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

นางธิดารัตน์ โล่มโนปกรณ์ อายุ 23 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องเอมื่อ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เลวร้ายของครอบครัวตน เกิดขึ้นในหมู่บ้านชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงปะกาเกอญอ บนดอยสูงบ้านกิ่วขมิ้น หมู่ 11 ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย.58ที่ผ่านมา เมื่อผู้เป็นพ่อที่เมายาบ้าก่อเหตุยิงลูกเมียที่กำลังท้องได้ 5 เดือน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา ตอนนั้นน้องเอมื่อ อายุได้ 4 ขวบ ครั้งนั้นโชคดีที่กระสุนไม่ถูกเด็กในครรภ์ แต่ลูกสาวของตน น้องเอมื่อ กระสุนเจาะเข้าที่ช่องท้อง ศีรษะด้านหลังและกระดูกไขสันหลัง ช่วงล่างทั้งหมดไม่มีความรู้สึก เวลาถ่ายทั้งหนักเบาต้องใช้วิธีสวน และต้องพกถุงปัสสาวะที่เจาะจากกระเพาะปัสสาวะไว้ตลอด

นางธิดารัตน์ ผู้เป็นแม่ ได้เล่าต่อไปอีกว่า ตอนนั้นตนกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนแก๊ปเข้าที่บริเวณแผ่นหลัง ทุกวันนี้แพทย์ไม่สามารถเอาสะเก็ดกระสุนออกได้คงปล่อยค้างในตัวของตนเพราะหากผ่าตัดเสี่ยงมาก สำหรับน้องเอมื่อ ถูกยิงที่ด้วยอาวุธปืนชนิดเดียวกัน เข้าบริเวณท้ายทอย เอว รักแร้ซ้าย ต้นขาขวา สะเก็ดกระสุนบางส่วนยังคงค้างในตัว เพราะเสี่ยงต่อการผ่าตัดอย่างมาก แพทย์จึงไม่สามารถผ่าตัดให้ได้

“พ่อของน้องเอมื่อ ที่เสียชีวิตไปแล้ว คือ นายชายบุญรับ ประวินไพร อายุ 32 ปี เขาตายไปแล้ว แต่ตนกับลูกต้องทุกข์ทรมานต่อไป โดยเฉพาะน้องเอมื่อ ที่ไม่รู้ว่าเขาต้องเป็นอัมพาต ไปตลอดชีวิต เพราะยังไร้เดียงสาอยู่ โชคดีที่น้อง เลี้ยงง่ายและหน้าตาน่าเอ็นดู เป็นมิตรกับทุกคน ใครเห็นก็รักและสงสารให้การช่วยเหลือ ทุกอย่างเกิดขึ้น เพราะผลพวงของยาเสพติด ยาบ้า ทำให้ชีวิตครอบครัวของตนเป็นแบบนี้ คนตายไปแล้วก็สบายไป ส่วนตนกับลูกยังต้องเผชิญต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป ทรมานมาก เห็นลูกแล้วสงสารมาก โตขึ้นมา ลูกจะเป็นอย่างไรต่อไป นึกภาพไม่ออกเลย และยิ่งใกล้วันเด็กมาแล้ว เห็นลูกแล้ว ใจหาย น้ำตาไม่รู้ไหลออกมาจากไหนตลอดเวลา”

ผู้เป็นแม่ ได้เล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นต่อ หลังจากร้องไห้สะอื้นด้วยความสงสารลูกว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.58 ขณะที่อยู่บ้าน นายชายบุญรับ มีอาการเบลอเหม่อลอย ตาขวาง ลักษณะคล้ายเมายาบ้า เมื่อตนเห็นอาการสามีผิดปกติ จึงพยายามเก็บมีด และของมีคมต่างๆ ภายในบ้านไปซุกซ่อนไว้เพราะเกรงว่าสามีอาจเกิดคลุ้มคลั่งนำมาเป็นอาวุธทำร้ายได้

แต่แล้ว นายชายบุญรับ เกิดคลุ้มคลั่งคว้าปืนแก๊ปที่แขวนอยู่ภายในห้องนอนออกมาข่มขู่ตน ให้ถอยห่าง จากนั้นสามีของตนก็ได้ อุ้มเอาน้องเอมื่อ ตอนนั้น วัย 4 ขวบ ที่นอนอยู่เดินเข้าป่าหลังบ้านโดยได้บอกว่า “จะเอาไปฆ่าทิ้ง มีคนสั่งให้ฆ่า” ตนตกใจพยายามวิ่งตาม เพื่อที่จะแย่งลูกคืน ระหว่างนั้นสามีของตน ได้เล็งปืนแก๊ปยิงตน แต่ปืนเกิดขัดข้องยิงไม่ออก ทำให้ตนแย่งลูกสาวจากมือสามีมาได้สำเร็จ แต่ขณะที่กำลังแบกลูกขี่หลังเดินออกมาจากป่า นายชายบุญรับ ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ ทำให้กระสุนปืนกระจายถูกตนและลูกจนล้มฟุบลงจมกองเลือด นายชายบุญรับ ได้ถือปืนแก๊ปวิ่งหนีเข้าป่าไป และสุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ก็พบไปฆ่าตัวตายในที่สุด

ตนมาทราบภายหลังจากเกิดเหตุ ว่า ชาวบ้านได้ช่วยนำร่างตนกับลูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลในท้องที่ อ.ปาย โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนมีการลำเลียงส่งรักษาต่อที่ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ในเวลานั้น

ต่อมาตนได้มาทราบจาก นายแพทย์อมรชัย กิรชนิกรกุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ศัลยกรรมทั่วไป โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ ได้กล่าวถึงอาการของ ด.ญรัตน์สุดา ประวินไพร ลูกสาวของตน เหยื่อกระสุนพ่อเมายาบ้าว่า ตอนที่เด็กถูกส่งตัวมาวันแรกมีบาดแผลจากการถูกยิง 3 แห่ง ลักษณะของกระสุนที่อยู่ในบาดแผลแต่ละแห่งเป็นลักษณะการแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กๆ คือ บริเวณลำตัวตรงช่องท้อง ศีรษะด้านหลัง และบริเวณกระดูกไขสันหลัง ทั้งยังพบว่า บาดแผลบริเวณช่องท้องมีลำไส้ฉีกขาด จึงได้ทำการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยถือว่าปลอดภัยดีแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ บาดแผลบริเวณกระดูกไขสันหลังที่ทำให้เด็กมีอาการขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้าง ระบบขับถ่ายต้องใช้วิธีสวนและเจาะกระเพาะปัสสาวะ ช่วงล่างไม่มีความรู้สึกเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป

นางธิดารัตน์ เผยอีกว่า ตนมีลูก 3 คน โดยได้ให้ทางญาติดูแลที่บ้าน จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนตนมาดูแลน้องเอมื่น ที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา และนอนที่นี่กับลูก ส่วนทางบ้านมีอาชีพทำนา ปลูกข้าวอยู่ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ถ้าลูกสาวหายดีแล้ว และได้ออกจากโรงพยาบาลก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ของตนเอง แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร เพราะหัวหน้าครอบครัวก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ก็มีเงินจากการได้รับบริจาคอยู่บ้าง ในบัญชีน้องเอมื่อ มีประมาณ 10,000 กว่าบาท ส่วนตนก็มีติดตัวประมาณ 2 พันกว่าบาท พวกเราฐานะยากจน หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ครอบครัวของพวกเราก็จะดำเนินชีวิตแบบพอเพียงได้

“อย่างไรก็ตามตนก็จะขอต่อสู้กับโชคชะตาชีวิตต่อไปแบบไม่ย่อท้อ และดูแลน้องเอมื่อ ไปตลอดชีวิต ใกล้ถึงวันเด็กแล้ว เห็นหน้าน้องเอมื่อ แล้ว ตนอดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลออกมา เพราะผลพวงจากยาเสพติดแท้ๆ ทำให้ลูก ต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ “สงสารลูกมาก””

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน