ศพสาวเหยื่อผัว สาดน้ำกรด กลับถึงบ้านเกิดขอนแก่นแล้ว ครอบครัวเศร้าร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ขอทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ตายที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปสู่สุขคติ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ
จากกรณี น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ถูกนายคำตัน สิงหนาท อายุ 50 ปี สามี สาดน้ำกรดใส่ ก่อนนำตัวมาส่งโรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลปฏิเสธและให้ไปรักษาโรงพยาบาลอื่น สุดท้ายน.ส.ช่อลัดดาเสียชีวิตระหว่างทาง ต่อมานายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และครอบครัวนางช่อลัดดา แห่โลงศพไปวางที่หน้ารพ.พระราม2 เพื่อเจรจากับผู้บริหาร ก่อนที่ตร.จับกุมนายคำตันได้ พาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างเมียแอบคบซ้อนชายอื่น รับวางแผนตั้งแต่สงกรานต์ เพื่อเอาน้ำกรดเทใส่แก้ว สาดใส่ขณะนอนหลับ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
- อ่านข่าว หนุ่มหึงโหดสารภาพ สาดน้ำกรด ใส่เมียตาย เล่าปมแค้น วางแผนตั้งแต่สงกรานต์
- อ่านข่าว สาวโดนผัวสาดน้ำกรด ร.พ.เอกชนดังไล่ไปรักษาที่อื่น สุดท้ายตายบนแท็กซี่
- อ่านข่าว พรุ่งนี้‘อัจฉริยะ’แห่ศพบุกร.พ. จี้รับผิดชอบ ไม่รักษาสาวโดนสาดน้ำกรดจนตาย
- อ่านข่าว ‘อัจฉริยะ’แห่ศพสาวเหยื่อน้ำกรดไปร.พ. หมอเดือด 2 ฝ่ายปรี๊ดแตกตบโต๊ะ-ชี้หน้าด่า ขึ้นมึงกู
- อ่านข่าว ตามลากคอได้ที่นครสวรรค์! จับแล้วผัวหึงโหดน้ำกรดสาดเมียสาวดับ ลูกเป็นกำพร้า
- อ่านข่าว เค้นสอบผัวเหี้ยม! ตร.คุมตัวถึงเมืองกรุง หึงโหดสาดน้ำกรดใส่หน้าฆ่าเมียสาว(คลิป)
- อ่านข่าว จับแล้วผัวสาดกรด เมียตาย! รพ.โต้ไม่รับรักษา อ้างดูแลตามหลัก คนไข้ขอย้ายเอง
- อ่านข่าว อัจฉริยะ พาลูกสาวเหยื่อสาดน้ำกรด ลุย สธ. จี้ฟัน รพ.ปฏิเสธการรักษา ท้าเปิดวงจรปิด!
- อ่านข่าว แม่ สาวถูกผัวสาดน้ำกรด ใส่หน้า พ้อรพ. ช่วยดีกว่านี้คงไม่ตาย ลั่นไม่ให้อภัย เขยโหด
- อ่านข่าว รพ.พระราม 2 แถลง! ช่วยอย่างดีที่สุดแล้ว แต่สาวเหยื่อน้ำกรด-ขอไปรพ.อื่นเอง
สาดน้ำกรด / ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 10 ม.9 บ.แสงอรุณ ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์สามีใช้น้ำกรดสาดเข้าที่ใบหน้าจนเสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา
ศพสาวเหยื่อสาดน้ำกรดถึงบ้านเกิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยศพผู้ตายมาถึงที่บ้านเกิดเมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา โดยมีแม่ ลูกสาวและคนในครอบครัวเดินทางไปรับศพ ทันทีที่มาถึงครอบครัวนำศพตั้งไว้บริเวณชั้น 1 ของบ้าน เพื่อให้คนในครอบครัวร่วมไว้อาลัย โดยมีเพื่อนบ้านและญาติช่วยกันจัดเตรียมสถานที่จัดการพิธีงานศพ
ย้ายลูกสาวเหยื่อกลับมาเรียนที่บ้านเกิด
ขณะที่เช้าวันนี้นางทองอาจ ทาระวัน แม่ของน.ส.ช่อลัดดา พร้อมด้วย น้องเต้ อายุ 12 ปี ลูกสาวของผู้ตาย เดินทางไปที่ว่าการอำเภอแวงใหญ่ เพื่อยื่นเรื่องขอใบมรณบัตร รวมทั้งการย้ายที่อยู่ของน้องเต้ จากกรุงเทพฯ มาที่จ.ขอนแก่น เนื่องจากครอบครัวมีความเห็นตรงกันในการย้ายน้องเต้กลับมาเรียนที่ขอนแก่น เพราะหากให้อยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อไปต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว
นายภาณุพงศ์ พันธ์ชมพู อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 199 ม.8 ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หลานของผู้ตาย กล่าวว่า เดินทางไปหาผู้ตายทันทีที่ทราบข่าวการเสียชีวิต เพราะทุกคนนั้นห่วงทั้งคนตายและลูกสาวที่ต้องอยู่ลำพังคนเดียว
ขณะนี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และศพของน้าสาวกลับมาถึงบ้านเกิดแล้ว จากนี้ไปครอบครัวจะประกอบพิธีตามประเพณี โดยกำหนดพิธีณาปนกิจศพในวันพรุ่งนี้ (14 พ.ย.) เพราะผู้ตายเสียชีวิตมาหลายวันแล้ว
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีณาปนกิจศพแล้วครอบครัวจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเก็บข้าวของของผู้ตายและน้องเต้ รวมทั้งการเคลียร์เรื่องเอกสารต่างๆ
“ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือคนในพื้นที่ห่างไกลของครอบครัวผม วันนี้ครอบครัวขาดเสาหลักไปแล้ว ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไปและสู้ต่อ แม้วันนี้ทุกคนโดยเฉพาะแม่และลูกสาวของผู้ตาย จะมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีกำลังใจขึ้นบ้าง แต่ก็ยังเศร้าและรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว จากนี้ไปขอทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด เพื่อให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ ส่วนตัวเพิ่งจะพบกับผู้ตายเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ผู้ตายและสามีผู้ตายกลับมาร่วมงานศพญาติที่ขอนแก่น แต่มาวันนี้กลับเป็นผมเองที่ต้องไปรับศพน้าสาว แต่ที่เสียใจที่สุดคือแม่ของน้าช่อ หรือยายของผม ที่กลับมาจากพบกับน้าช่อได้เพียง 3 วัน ก็ต้องกลับไปรับศพน้าช่อกลับบ้าน” นายภาณุพงศ์ กล่าว
ขอบคุณทุกหน่วยงานช่วยเหลือครอบครัว
ด้าน นายปรีชา ทาระวัน อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.10 ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น ลุงของผู้ตาย กล่าวว่า ครอบครัวขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่แสดงความปรารถนาดีเข้ามาช่วยเหลือครอบครัว ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในระดับประทศและระดับจังหวัด ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาหลายหน่วยงานมาติดต่อ และส่งคณะทำงานลงพื้นที่มาประสานงานในการทำงานด้านต่างๆ ทำให้ชุมชนทราบว่าเราไม่ได้ถูกทอดทิ้งแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ชนบทห่างไกล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางคดีก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่ ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการรักษาพยาบาลนั้น คงต้องมอบหมายให้ทีมกฎหมายดำเนินการ เมื่อวานที่เข้าร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้รับกำลังใจจากผู้ใหญ่ ที่จะรับเรื่องของผู้ตายไว้พิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
“ผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบ เพื่อส่งเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว วันนี้เราขาดเสาหลักของครอบครัวไป ด้วยการกระทำของสามีใหม่ เราทุกคนก็ต้องช่วยกัน ลูกสาวของผู้ตาย หรือหลานสาวคนเล็ก ครอบครัวตัดสินใจให้กลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว อยู่กันตามสภาพช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเต็มความสามารถ เราเรียกร้องได้ก็เฉพาะในสิ่งที่ชาวบ้านทำได้” นายปรีชา กล่าว