จากกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูที่ตกเป็นผู้ต้องคดีถูกศาลพิพากษาตัดสินให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 48 และได้รับอภัยโทษเมื่อปี 58 รวมติดคุก 1 ปี 6 เดือน ต่อมาร้องไปยังกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอให้รื้อคดีขึ้นมาไต่สวนใหม่ ในวันที่ 16 ม.ค.นี้ เนื่องจากเจ้าตัวที่ถูกดำเนินคดียืนยันว่าเป็นแพะรับบาปของคดีนี้ แม้จะพ้นโทษมาแล้วแต่สังคมรอบข้างและเพื่อนร่วมงานยังตราหน้าว่าเป็นฆาตกร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตร. พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน. ทุ่งสองห้อง ในฐานะเลขาธิการสามาคมพนักงานสอบสวน แถลงกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ที่ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดี ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ที่อ.เรณู จ.นครพนม เมื่อปีพ.ศ. 2548

พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้ พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนตรวจสอบสำนวนคดีของนางจอมทรัพย์ ซึ่งหลังจากตรวจสอบยืนยันว่า พนักงานสอบสวนในคดีนี้ทำสำนวนถูกต้อง เป็นธรรม ตามหลักของกฎหมาย มีประจักษ์พยานครบถ้วน ทั้งพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่าซี่โครงด้านซ้าย รวมทั้งกระดูกแขนขาซ้าย ของผู้เสียชีวิตหักทั้งหมด บ่งบอกได้ว่าถูกรถชนมาจากด้านซ้าย สอดคล้องเป็นไปได้ตามพยานหลักฐาน

จากการตรวจสอบสำนวนและสอบถามจากพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ พบว่าได้สอบปากคำประจักษ์พยาน หลังจากเกิดเหตุ 2 วันคือ วันที่ 13 มีนาคม 2548 และนางจอมทรัพย์มารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ในระยะเวลา 3 เดือน ที่ทำการสอบพยานนางจอมทรัพย์ก็ไม่ขอให้รายละเอียด ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งพนักงานสอบสวน ไม่มีสิทธิไปบังคับให้เขาให้การ ขณะที่ในกระบวนการสอบสวนจะไม่มีทางทราบได้ว่าสอบพยานไปกี่ปากแล้วบ้าง โดยระหว่างที่ทำคดีครูจอมทรัพย์ไม่ให้ให้รายละเอียดในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะไปให้ปากคำที่ชั้นศาลเพียงอย่างเดียว

พนักงานสอบสวนจึงทำสำนวนคดีไปตามพยานหลักฐานที่มี ตรงนี้ก็สงสัยได้ว่า นางจอมทรัพย์ซึ่งเป็นถึงข้าราชการ ซี 8 เหตุใดจึงไม่ยอมให้กาารในชั้นสอบสวน ไม่ต่อสู้ แสวงหาพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ในตอนนั้น หากมีการให้ข้อมูลแล้วยืนยันได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนก็อาจนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องก็ได้ ตั้งแต่ตอนนั้น

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รวมถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย คดีนี้มีการพิจารณาตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ต้องหามีโอกาสได้ชี้แจงตามกระบวนการในศาลก็มีการไต่สวน มีพยานมีการไต่สวน ซึ่งการพิจารณารับฟังพยานหลักฐานก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ขอสังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าใครผิด ใครบกพร่องหรือจับคนผิด ไม่มีจับแพะแน่นอน คดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเอง อย่าเพิ่งเชื่อในกระแสหรือคำพูดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้รอการไต่สวนรื้อฟื้นคดีของศาลเสียก่อน คดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆคดีที่เกิดขึ้นแต่ละวัน จริงๆตำรวจไม่จำเป็นต้องชี้แจงขนาดนี้ แต่มีความพยายามนำเสนอให้ข่าวกันไปทำลายภาพลักษณ์ของตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเพียงหนึ่งส่วนในกระบวนการยุติธรรม ได้ทำสำนวนคดีนี้อย่างครบถ้วน แสวงหาพยานหลักฐานทุกด้าน ทั้งประจักษ์พยาน พยานนิติวิทยาศาสตร์ เชิญนางจอมทรัพย์มาตามหมายเรียก ไม่ได้เป็นการบุกจับ ทุกกระบวนการทำอย่างถูกต้อง ครบถ้วนใช้เวลานานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ การนำไปสู่การรื้อฟื้นคดีได้ ตามที่กำลังดำเนินการอยู่ แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ศักดิ์สิทธิ์

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบแล้ว หากผลสรุปออกมา ว่าพนักงานสอบสวนทำสำนวนผิดจริง ก็จะมีการเยียวยาตามกฎหมายแก่ผู้เสียหาย แต่หากผลสอบออกมา ครูนางจอมทรัพย์แจ้งความเท็จ และเป็นผู้ที่ทำผิดจริง ก็อาจจะต้องฟ้องกลับ ฐานทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน