กรณีตรวจพบทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลภายนอกบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบ พ.ศ.2559 ที่สนามสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาพล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น.ตั้งคณะพนักงานสอบสวนหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิด ภายหลัง พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.ศูนย์ฝึกอบรม (ศฝร.) บช.น. เข้าแจ้งความดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วย อั้งยี่ แจ้งความเท็จ และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) แล้วขอศาลอาญารัชดาภิเษกอนุมัติหมายเรียกผู้รับจ้างทำข้อสอบกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง 51 คนและผู้ร่วมขบวนการรวม 52 โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค. นศ. 29 ราย เดินทางเข้าให้ปากคำที่สน.พหลโยธิน ต่อมาที่ประชุมตร.มีมติให้เพิกถอนรายชื่อผู้ทุจริตสอบนายสิบเฉพาะราย ขณะที่ 23 นักศึกษามหาวิทยาลัยดัง ที่ถูกหมายจับฐานยิงข้อสอบเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว ส่วนอีก 29 คน ยังขอเลื่อน ตร.เผยหากไม่มาจนถูกออกหมายจับจะค้านประกันตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่สน.พหลโยธิน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำนายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจเขตปทุมวัน ตัวการใหญ่ในคดีการทุจริตสอบนายสิบตำรวจซึ่งเดินทางมาพร้อมทนายความตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายจิระพจน์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา นายจิระพจน์ยังให้การไม่ละเอียด ไม่ขยายผลไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องตามที่พนักงานสอบสวนต้องการเชื่อว่ายังมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องอีก

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มมือปืนรับจ้างทำข้อสอบ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ได้สอบปากคำไปแล้ว 29 คน วันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการมาพบพนักงานสอบสวนเพิ่มอีก 4 คน สำหรับนักศึกษาที่ยังไม่เข้ามาพบ ไม่อยากใช้ไม้แข็ง ขอให้เข้ามาพบตำรวจเพื่อจะได้รับการประกันตัว หากต้องไปจับกุมจะไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อถึงในชั้นศาลเจ้าหน้าที่จะคัดค้านการประกันตัวอีกด้วย สำหรับผู้ที่ลอกข้อสอบก็จะดำเนินการออกหมายจับเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหาจุดบกพร่องในกระบวนการสอบ พร้อมทั้งตรวจสอบคณะกรรมการที่คุมสอบเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงระบบการสอบให้ดีขึ้นต่อไป

เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตสอบนายสิบตำรวจ (นสต.) กล่าวถึงบทลงโทษผู้กระทำความผิดหลังพบทุจริตในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และบช.ภ7 ว่า ผู้กระทำความผิดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นมือปืนและผู้สมัครสอบที่มีการทุจริต ต้องถูกดำเนินคดี 3 หาข้อ คือ 1.แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน มาตรา 137 มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ มีความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.ข้อหาอั๊งยี่ มาตรา 209 มีโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท สำหรับผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นบัญชีดำหรือแบล็คลิสต์ไว้หมดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีกี่ราย ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะไม่สามารถสอบเป็นข้าราชการตำรวจได้อีก เนื่องจากมีประวัติทุจริต ประพฤติไม่ชอบ ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะไม่ยอมให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาเป็นตำรวจโดยเด็ดขาด

ส่วนการสอบเป็นข้าราชการในสายอาชีพอื่น นอกเหนือจากตำรวจได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานนั้นๆ ว่าจะให้โอกาสหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดขณะนี้อยู่ระหว่างการมอบตัวนัดหมายให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวอีกว่า ผู้บังคับบัญชาจะไม่ให้บุคคลทุจริตเข้ามาเป็นตำรวจเด็ดขาด พร้อมกันนี้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบซ้ำอีกว่าพบความบกพร่องของผู้คุมสอบด้วยหรือไม่ ถ้าพบก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน