เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 96 ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล เป็นวันที่ 42

โดยในวันนี้ มีหน่วยงานจากภาคเอกชนต่างๆ ประกอบด้วย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, โรงเรียนอนุบาลกฤตยา, ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์, ครอบครัวอดิวันทนากุล, ครอบครัวเอื้อชูเกียรติ, คณะนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 17, พล.ตร.อ.วสิษฐ เดชกุญชร, มูลนิธิส่งเสริมสวัสดิภาพสตรีและเยาวชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา, ชมรมคนใจสบาย, มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์, มูลนิธิ ตึก สก.ในพระบรมราชชูปถัมภ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ ในพระอุปถัมป์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน, มูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, มูลนิธิบำรุงขวัญทหารตำรวจอาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิร่วมร้อยใจไทย และศิลปินนักแสดง

มูลนิธิโรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ โดยพระราชานุญาต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสถาบันพรหมวชิรญาณ, มูลนิธิดวงประทีป องค์กรการกุศล สหกรณ์ออมทรัพย์ ในเขตคลองเตย และองค์กรเครือข่าย, หลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, บริษัท สำนักกฏหมาย นิติพีรฉัตร จำกัด, คุณยายส่วน วงศาโรจน์, ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี, มูลนิธิลีนุตพงษ์, มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.), กลุ่มบริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด, บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด, บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด, บริษัท เอสซีจี เพอร์ฟอร์มาซ์ เคมิคอลส์, บริษัทไทยโพลิเอททีลีน จำกัด, บริษัท มาบตาพุด แมงค์ เทอร์มิคัล จำกัด, บริษัท ไทย เอ็มเอ็มเอ จำกัด, บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

โดยเวลา 07.00 น. พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 16 ม.ค. การนี้มีคณะผู้บริหาร กรรมการ และเจ้าหน้าที่ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, โรงเรียนอนุบาลกฤตยา, คณะนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 17, มูลนิธิส่งเสริมสวัสดิภาพสตรีและเยาวชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา, ชมรมคนใจสบาย และครอบครัวของ ดร.อมร วาณิชวิวัฒน์, ครอบครัวอดิวันทนากุล, ครอบครัวเอื้อชูเกียรติ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ

ต่อมาเวลา 10.30 น. ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการ มูลนิธิตึกสก. ในพระบรมราชูปถัมภ์สภากาชาดไทย เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมโดยมีคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และพนักงาน มูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์, มูลนิธิ ตึก สก.ในพระบรมราชูปถัมภ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, พีระยานุเคราะห์มูลนิธิ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ ท่านผู้หญิงมณฑินี มงคลนาวิน

มูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, มูลนิธิบำรุงขวัญทหารตำรวจอาสาสมัครชายแดนในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิร่วมร้อยใจไทย และศิลปินนักแสดง, มูลนิธิโรงพยาบาล 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ โดยพระราชานุญาต สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสถาบันพรหมวชิรญาณ, มูลนิธิดวงประทีป องค์กรการกุศล สหกรณ์ออมทรัพย์ ในเขตคลองเตย และองค์กรเครือข่าย, หลักสูตรวิชาชีพที่ปรึกษาธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมเครือข่ายที่ปรึกษาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ

นางสมร ขันธประโยชน์ อายุ 61 ปี และเพื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง โดยทุกคนต่างสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อย และเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่เช้ามืด แม้ว่าช่วงเช้ามีฝนตกโปรยปรายลงมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่เวลา 04.50 น. โดยพสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนจะได้รับแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

นางณัฏฐาวดี ทิพเวส ในฐานะประธานรุ่น คณะนักเรียนโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 17 กล่าวว่า ความรู้สึกที่ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระบรมศพในครั้งนี้ รู้สึกเป็นเกียรติและปลาบปลื้มใจมาก เนื่องจากพวกเราทุกคนมีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเด็จอย่างใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาตั้งแต่ยังเด็ก

“จำได้ว่าตอนเรียนอยู่ตั้งแต่ชั้นป.1 รุ่นของเรามีโอกาสได้เฝ้ารับเสด็จฯ พระองค์ครั้งมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่เสมอ รุ่นของเราทุกคนที่มีจำนวน 200 กว่าคน จะนั่งอยู่ตลอดสองฝากฝั่งของถนน ยืนรอให้รถพระที่นั่งเคลื่อนผ่านเพื่อเปล่งเสียงว่าทรงพระเจริญ ทำให้ครั้งนี้เราทุกคนที่มาร่วมเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร มีความรู้สึกใกล้ชิดพระองค์เหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง ส่วนคำสอนที่ทางรุ่นของเรานำมาใช้หลักๆ คือ เรื่องของความพอเพียงและปฎิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด โดยพยายามทำสิ่งต่างๆ ที่เราพอจะทำได้ ได้แก่ การจัดกิจกรรมอาสาโดยคณะกลุ่มของเรา และท้ายสุดสิ่งที่อยากบอกคนไทยคือ อยากให้เปลี่ยนความโศกเศร้าอาดูรนี้แปรเปลี่ยนเป็นพลังให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป” นางณัฎฐาวดี กล่าว

นางสมร ขันธประโยชน์ อายุ 61 ปี ลูกจ้างประจำ กระทรวงกลาโหม พวกนิกรจาก ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี กล่าวว่า มากราบสักการะเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้มาพร้อมกับเพื่อนบ้านมาถึงท้องสนามหลวงช่วงเวลา 02.30 น. และได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เวลา 08.30 น. ถือว่าเร็วกว่าครั้งก่อนซึ่งรอนานถึง 13 ชั่วโมง เนื่องจากมาตรงกับวันอาทิตย์แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย และตั้งใจจะว่าถ้ามีโอกาสก็จะเดินทางมากราบสักการะอีกเรื่อยๆ รักและซาบซึ้งมากที่เห็นพระองค์ท่านทำทุกๆ อย่างเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงๆ พระองค์ท่านช่วยเหลือทั้งเรื่องน้ำท่วม โดยเฉพาะช่วงน้ำท่วมหนักปี 2554 และแก้ปัญหาการจราจรติดขัด แม้แต่เวลาเสด็จฯ พระองค์ท่านก็มักจะเสด็จในเวลากลางคืนและไม่พิเศษอะไรมาก พระองค์ท่านไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน มากราบสักการะในครั้งนี้ได้อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ นางสมร กล่าว

นายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ตัวแทนจากมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ กล่าวถึงความรู้สึกภายหลังได้เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ซึ่งตนคิดว่าการร่วมเป็นเจ้าภาพก็เหมือนคนไทยคนหนึ่ง ที่ไม่ได้แตกต่างจากประชาชนที่มาเข้าแถวรอคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ ในวันนี้ตนรู้สึกปลาบปลื้มมาก ได้เห็นบรรยากาศพระราชพิธีและเห็นภาพของมวลมหาประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาสักการะอย่างต่อเนื่อง

ส่วนตนก็น้อมนำคำสั่งสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา พร้อมกับทำงานถวายพระองค์โดยตลอด สำหรับมิราเคิล ออฟไลฟ์ นั้นได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี อันเนื่องมาจากพระอัจฉริยะภาพ ที่ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาทางด้านคุณภาพชีวิตของเด็กเยาวชน และประชาชนในประเทศไทย ทุกวันนี้พยายามที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามูลนิธิฯได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทเอาเป็นคำสอนที่ถือเป็นตัวอย่างในการดำเนินงานอยู่แล้วและมุ่งหวังที่จะทำต่อไป

“คำสั่งสอนของท่านสามารถน้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง หากในชีวิตของเราทำอะไรดีๆ หรือคิดสิ่งที่ดีๆ แล้วนั้น ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงปฎิบัติแล้วทั้งนั้น อยากให้ย้อนกลับไปดูสิ่งที่ท่านเคยทำ หากท่านทำซ้ำกับสิ่งนั้น คุณควรภูมิใจถือว่าคุณเดินมาถูกทางแล้ว ท่านกำลังเดินตามรอยของพ่อแล้ว ส่วนสิ่งที่อยากบอกคนไทยนั้น ตนคิดว่าคนไทยน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปเพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรง ธ สถิตอยู่ในดวงใจคนไทยตลอด” นายไตรภพ กล่าว

ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ในฐานะประธานมูลนิธิตึก สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ภาคเอกชนได้เป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ โดยส่วนตัวมีความปลาบปลื้มใจที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชซึ่งมีมากมายตลอดที่ทรงงาน 70 ปีแห่งการครองราชย์ โดยเฉพาะที่ประทับใจที่สุดคือในช่วงที่ตัวเองดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา 8 ปี มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา เมื่อปี 2530 พร้อมกับนายกรัฐมนตรี และประธานศาลฏีกา

นอกจากนี้ ทั้งตัวเองและท่านผู้หญิงมณทินี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้งสองพระองค์ เมื่อตอนแต่งงานได้รับพระราชทานน้ำสังข์ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับในส่วนของพระบรมราโชวาทที่ตัวเองน้อมนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต นอกจากหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่มีคนจำนวนมากนำไปปฏิบัติอยู่แล้วนั้น ตัวเองยังนำคำสอนในข้อรู้รักสามัคคีมาใช้ด้วย เพราะถือว่าเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญต่อทุกๆ ด้าน รวมถึงความเมตตาต่อกันไม่เบียดเบียนกัน ทั้งกายและวาจา ไม่ทำให้ให้คนอื่นเดือดร้อน สังคมจะอยู่เป็นสุข

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.40 น. จากกำหนดเดิมในเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอคิวกราบพระบรมศพ ในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 51,381 คน รวม 77 วัน มี 3,383,519 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 4,952,262.45 บาท รวม 77 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 278,909,324.79 บาท

ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน โดยแบ่งเป็นมื้อเช้าเวลา 07.00 น. ข้าวไข่พะโล้ 1,500 ชุด,กาแฟสด 2,500 แก้ว ,นมหนองโพ 2,000 กล่อง

มื้อกลางวันเวลา 11.00 น. ประกอบด้วย สเต็กหมูและปลา 2,000 จาน, บะหมี่หมูแดงและเป็ดย่าง 2,000 ถ้วย มื้อบ่ายเวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง, กล่องขนม 1,000 กล่อง, เฉาก๊วย 1,000 ถุง มื้อเย็นเวลา 18.00 แกงส้มปลาสร้อยทอด 3,000 จาน พร้อมมีน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร และน้ำดื่มให้บริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กองงานในพระองค์เปิดเผยว่า ในวันที่ 20-21 ม.ค. นี้ทางเต็นท์ อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะหยุดให้บริการอาหารและเครื่องดื่มเป็นเวลา 2 วันเนื่องด้วยจะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร(100วัน) และจะเปิดให้บริการอาหารประชาชนอีกครั้งในวันที่ 22 ม.ค.

เวลา 19.00 น. สำนักพระราชวังออกประกาศแจ้งว่า ตามที่สำนักพระราชวัง ได้ปิดรับการขอร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรมมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม ศกที่แล้ว เนื่องจากมีผู้แสดงความจำนงขอร่วมเป็นเจ้าภาพจำนวนมาก นั้น

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เพิ่มรอบการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ หลังการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100วัน) ในวันที่ 20-21 มกราคม 2560 โดยเพิ่มรอบการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพฯ จาก 2 รอบ ในเวลา 10.00 น. และ 19.00 น. เป็น 4 รอบ ในเวลา 10.00 น. 14.30 น. 17.00 น. และ 19.00 น. และเพิ่มจำนวนเจ้าภาพร่วมในแต่ละรอบจาก 9 ราย เป็น 11 ราย

ทั้งนี้ เพื่อจัดลำดับการเป็นเจ้าภาพร่วมให้ได้ครบถ้วนทุกราย สำหรับหนังสือการตอบรับและรายละเอียดการเป็นเจ้าภาพนั้น สำนักพระราชวังจะแจ้งทราบก่อนวันและเวลาที่กำหนดให้เป็นเจ้าภาพล่วงหน้า 15 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน