เด็กพิเศษดับ พ่อแม่ร่ำไห้นำศพ ‘น้องพี’ เด็กพิเศษวัย 14 ปี มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด เผยยังติดใจโรงเรียนไม่ส่งลูกไปรักษาทั้งๆที่นอนป่วยอยู่ 3 วัน จนปล่อยให้เสียชีวิต เผยต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดของรพ.มหาราชอีกครั้ง

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ประพันธ์ นิลเศษ โพสต์ภาพงานศพ ด.ช.วงศธร นิลเศษ อายุ 14 ปี ลูกชายที่ป่วยตาย ขณะอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในอ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยที่ครูไม่ยอมส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ทั้งที่นอนป่วยอยู่ 3 วัน ทราบว่าลูกป่วยตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. แต่เพิ่งส่งรักษาในวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยครูโทรมาบอกว่าลูกป่วยหนัก เมื่อไปถึงพบว่าลูกหัวใจหยุดเต้น ก่อนเสียชีวิต สอบถามหมอทราบว่าเสียชีวิตมาประมาณ 6 ช.ม.แล้ว สาเหตุมาจากขาดน้ำรุนแรงและติดเชื้อที่ปอด จึงสงสัยว่าเหตุใดโรงเรียนและครูถึงไม่ส่งลูกไปรพ.ที่ตั้งอยู่หลังโรงเรียน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เด็กพิเศษดับ / ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 พ.ย. ที่วัดวัดเขากุมแป ม.6 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.พัชรินทร์ ถั่วเถื่อน อายุ 41 ปี และนายประพันธ์ นิลเศษ อายุ 38 ปี พ่อและแม่ของด.ช.วงศธร หรือน้องพี นิลเศษ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นำศพลูกชายตั้งบำเพ็ญกุศลศพ หลังเสียชีวิตลงด้วยอาการป่วย ซึ่งแพทย์รพ.ทุ่งสง ระบุว่าต้องชันสูตรเพิ่ม เพราะคาดว่าเด็กเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลประมาณ 3-6 ชม. ผู้ปกครองจึงเกิดข้อสงสัยและติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตของลูก

นายประพันธ์ นิลเศษ อายุ 38 ปี และ น.ส.พัชรินทร์ ถั่วเถื่อน อายุ 43 ปี พ่อและแม่ของเด็ก กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายกลับมาอยู่บ้านตอนช่วงปิดเทอมก็ปกติดี ก่อนจะไปส่งเข้าโรงเรียนประจำในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จนมาทราบจากครูในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ย. ว่าน้องป่วยหนักมาก จึงต้องรีบไปหาลูกที่โรงเรียน

แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนไม่เจอลูก แต่เพื่อนลูกบอกว่าน้องพีเสียชีวิตแล้ว จึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทุ่งสง เมื่อสอบถามครู ก็ไม่ได้แจ้งว่าเด็กเสียชีวิต บอกแค่ว่าดูแลอย่างดี จึงขอพบลูก และพบว่าลูกเสียชีวิตแล้วในสภาพที่ตัวแข็งและเย็น

จากที่พ่อและแม่ได้คุยกับทางแพทย์ ซึ่งแพทย์แนะนำให้ส่งศพชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลมหาราช เนื่องจากเด็กเสียชีวิตผิดปกติ และเสียชีวิตมาก่อนที่จะมาโรงพยาบาล 3-6 ชั่วโมง จึงทำให้เกิดความสงสัยและติดใจในการเสียชีวิตของลูก ซึ่งครูก็มาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า น้องพีป่วยตั้งแต่วันศุกร์ และพาไปที่โรงพยาบาลกาชาด เพื่อดูอาการและหมออนุญาตให้กลับโรงเรียนได้ หลังจากนั้นทางครูก็ติดต่อแม่ แต่แจ้งว่าติดต่อไม่ได้

จนมาติดต่อได้อีกครั้งในวันจันทร์ตอนประมาณ 14.00 น. พร้อมบอกว่าน้องป่วยหนัก จึงรีบไปหาทันที ทำให้ติดใจในการตายว่า ทำไมละเลยปล่อยให้ลูกนอนป่วยถึง 3 วัน โดยไม่นำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาที่ดี ทั้งที่โรงพยาบาลใช้ระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาที เพราะตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่น่าจะเกิน 1 กิโลเมตร หลังจากนี้ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดของรพ.มหาราชอีกครั้ง ถึงการเสียชีวิตของลูก

เบื้องต้นทางผู้ปกครองบอกว่า แพทย์พูดคุยเป็นการส่วนตัวว่าเด็กมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง และปอดติดเชื้อจนขึ้นสมอง ซึ่งอาจเกิดจากการไม่ได้กินอะไรและขาดเกลือแร่ อีกทั้งทางโรงเรียนยังปิดบังการเสียชีวิต จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ที่เสียชีวิตในครั้งนี้ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์กับครอบครัวอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับน้องพี ถือเป็นเด็กพิเศษที่ได้รับการพัฒนาจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ในด้านการร้องเพลงจนได้รับรางวัลระดับประเทศและระดับเขต ซึ่งขณะนี้ทางโรงเรียนให้การช่วยเหลือเป็นข้าวสาร 2 กระสอบ พวงหรีด และเงินค่าขนส่งศพกลับบ้าน

ด้าน ร.ต.ท.วรกุล บุญยัจันทร์ รอง สารวัตร(สอบสวน) สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เบื้องต้นลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน ซึ่งทางรพ.ทุ่งส่ง ระบุการตายไม่ทราบสาเหตุ และส่งศพชันสูตรอย่างละเอียดต่อที่ รพ.มหาราช และต้องรอผลจากทางรพ. ทั้งนี้จะประสานทางญาติอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน