กรณีนายภูมิ และนางอ้อม (สงวนนามสกุล) สองสามีภรรยา เข้าร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า ลูกสาวชื่อน้องลำไย (นามสมมุติ) วัย 11 ขวบ ชั้นป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ถูกชายแปลกหน้ามารับตัวลูกสาวไปจากหน้าโรงเรียน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา อ้างว่าผู้ปกครองให้มารับ ครูก็ไม่ถามว่าไปไหนมา จึงโทรไปหาแม่บอกความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อมาได้ตรวจสอบภาพจากวงจรปิด โดยครูที่ปล่อยตัวน้องลำไยไป จำได้ว่าชายคนก่อเหตุเคยเป็นอดีตนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ต่อมานายภูมิและนางอ้อม ไปแจ้งความที่สภ.หนองเสือ จึงรู้ตัวผู้ก่อเหตุ ชื่อนายสมชาย เสียงเอก อายุ 21 ปี โดยจับกุมพร้อมรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน ขทย 97 สระบุรี เหล็กแหลมมีด้ามจับยาว 10 ฟุต 1 อัน เสื้อแจ็ตเก็ตตัว 1 ตัว ซึ่งผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เกิดอารมณ์จึงมารับเด็กนักเรียนที่ไม่รู้จัก พาไปข่มขืนในซอยเปลี่ยวถนนเลียบคลอง14 และขู่เด็กหากนำเรื่องไปบอกครูหรือพ่อแม่จะฆ่าให้ตาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว พ่อแม่หัวใจสลาย โวยโรงเรียนปล่อยลูกสาว 11 ขวบไปกับคนแปลกหน้า สุดท้ายโดนข่มขืน ขู่ฆ่า

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 ก.ย. นายภูมิ และนางอ้อม พร้อมด้วยน้องลำไย เดินทางมาที่มูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อร้องเรียนให้ดำเนินคดีเอาผิดกับครูของโรงเรียนของลูกสาว ที่ปล่อยให้ลูกสาวตนไปกับวัยรุ่นขณะอยู่ในโรงเรียนและถูกข่มขืน

นายภูมิ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมคนร้ายได้แล้วก็ตาม แต่ทางครูของโรงเรียนไม่ได้มาถามเรื่องคดี หรือให้ความสนใจกับลูกตนเลย ซึ่งตนคิดว่าโรงเรียนเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 และครูเป็นเหมือนพ่อแม่คนที่ 2 ที่จะฝากให้ดูแลลูกหลานของตนได้ แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้กับลูกสาวตน ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังโชคดีที่ลูกของตนยังมีชีวิตรอดกลับมาไม่ถูกฆ่าปิดปากเหมือนเช่นข่าวทุกวันนี้ และหลังจากเกิดเหตุตนก็ไม่ได้ให้ลูกสาวไปโรงเรียนอีกเลย เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย

ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุน้องลำไย ถูกคนร้ายหลอกว่าแม่ให้มารับและน้องหลงเชื่อนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายไป จากนั้นก็ถูกคนร้ายใช้กำลังข่มขืนที่ป่าหญ้าข้างทางโดยมีอาวุธมีดขู่อยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นคนร้ายนำตัวน้องลำไยมาส่งที่โรงเรียนหลังจากที่พ่อกับแม่ทราบเรื่อง จึงนำตัวน้องลำไยเข้าแจ้งที่สภ.หนองเสือ และสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้

ในส่วนที่คุณแม่มาร้องขอความเป็นธรรมเรื่องที่ลูกสาวตนเองอยู่โรงเรียน แต่ทำไมปล่อยให้ออกมากับคนแปลกหน้าได้ เพียงแค่บอกว่าแม่ให้มารับและอนุญาตให้ออกมา ซึ่งเป็นเรื่องที่หน้าเป็นห่วง ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ที่กระทรวงศึกษาธิการต้องมีมาตรการขั้นเด็ดว่า การที่จะให้เด็กออกจากโรงเรียนโดยไม่มีผู้ปกครอง หรือผู้ที่มีอำนาจมารับนั้น ต้องไม่อนุญาตเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเหมือนดังเช่นน้องคนนี้ และทางมูลนิธิจะนำตัวเด็กไปที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องสิทธิ จากนั้นก็จะนำไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และจะให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบครูโรงเรียนดังกล่าวถึงการปล่อยเด็กไปกับคนแปลกหน้าต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่โรงเรียนของน้องลำไย เป็นไปอย่างปกติ โดยทางโรงเรียนไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ เนื่องจากไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียนมา 2 ปีแล้ว และก็ยังไม่มีผอ.คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ มีแต่ครูชั้นผู้น้อย ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ แม้แต่กล่องวงจรปิดภายในโรงเรียนต้องรอคำสั่งจาก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 เท่านั้น เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ขณะที่ในช่วงเวลาใกล้เลิกเรียนก็จะมีผู้ปกครองมารอรับลูกหลานอยู่ที่หน้าโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวสอบถาม ผู้ปกครองเด็กนักเรียนว่าทราบเรื่องกรณีเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งนี้มีคนแปลกหน้ามารับพาไปข่มขืนหรือไหม ทุกคนต่างตอบว่าไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุนั้นก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้เสียหาย และรู้จักกับพ่อแม่ของเด็ก เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กัน ซึ่งทางโรงเรียนก็มีมาตรการในการดูแลเด็กนักเรียนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ประกอบกับกรณีดังกล่าวเด็กนักเรียนที่ถูกข่มขืนมาโรงเรียนตามปกติโดยในช่วงเช้านั้น เด็กนักเรียนมาขออนุญาตครูกลับไปบ้าน แต่ครูก็ไม่อนุญาต ซึ่งเด็กคนดังกล่าวก็เข้ามาขออนุญาตครูถึง 3 ครั้งเพื่อกลับบ้าน โดยมีผู้ก่อเหตุขับขี่จักรยานยนต์ มายู่ที่บริเวณหน้าโรงเรียนและบอกว่า แม่ของเด็กให้มารับจึงได้อนุญาต เพราะเป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครูไม่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามแม่ของเด็กก่อน จึงเกิดความเสียหายทั้งทางเด็กและโรงเรียน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน