รวบ บ.กาแฟ อ้างร่วมกับทางราชการ ช่วยคนจน ตุ๋นเงินชาวบ้าน-ขู่ฟ้อง เหยื่อเครียดดับ

ช่วยคนจน – เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่สโมสรตำรวจวิภาวดีรังสิต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ตำรวจ บช.ทท. ตำรวจ 191 และ ชุดศปอส.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายทรงทรัพย์ การะภักดี และ นายฉัตรคชายัน วงศ์ธนะพัชระ ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมการฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ก.ย. มีการเปิดตัวแถลงข่าว บริษัท กาแฟแคชแบ็ค จำกัด เป็นบริษัทขายกาแฟ โดยมีการอ้างว่า จับมือกับหน่วยงานราชการหลายหน่วยงาน อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงพาณิชย์ กรมสรรพากร ฯลฯ นอกจากนี้ มีการอ้างถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่กล่าวข้างต้นและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อข่วยเหลือประชาชนระดับรากหญ้า

บริษัทมีการชักชวนผ่านทางเว็บไซต์ www.cofcashback.com โดยลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท จะได้รับรหัสสมาชิกและกาแฟ 3 กล่อง กล่องละ 350 บาท หรือสินค้าตัวอื่น เช่น ครีม หรือ กระทะจักรพรรดิ และจะได้รับผลตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 2,050 บาท ต่อ 30 วัน แบ่งเป็น 6 งวด จ่ายทุก ๆ 5 วัน จึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและมีประชาชนหลงเชื่อสมัครสมาชิกจำนวนมากกว่า 86,000 รหัส ซึ่งช่วงแรกได้รับผลตอบกลับมาเพียงเล็กน้อย บางรายก็ขักชวนญาติพี่น้องมาลงสมัครด้วย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 23 ต.ค. บริษัท ได้ประกาศในเว็บไซต์ว่าบริษัทมีปัญหาจ่ายเงินให้สมาชิกไม่ได้ จึงขอคืนเงินทุนให้และเพิ่มอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ของเงินทุน โดยแบ่งจ่าย 4 รอบ ช่วง 27-31 ต.ค. แต่ไม่มีสมาชิกได้รับเงินคืน จากนั้นทางบริษัทก็ได้ปิดตัวลงพร้อมเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังข่มขู่สมาชิกว่าถ้าใครไปแจ้งความจะฟ้องกลับเนื่องจากทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง และระงับรหัสไม่จ่ายเงินให้ ซึ่งทำให้ประชาชนบางรายเครียดถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต

ต่อมาวันที่ 23 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมจับกุมตัว นายทรงทรัพย์ และ นายฉัตรคชายัน ได้ จากการตรวจสอบพบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีประมาณ 800,000 บาท และมีเงินสดประมาณ 1,200,000 บาท โดยหลังจากนี้จะดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินพร้อมขยายผลติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 2 ราย คือ นางประทุมทิพย์ ประเสริฐ และ น.ส.ทิพย์ภาถรณ์ พรมประกอบ เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน