สตม. จับพ่อค้ายาตุรกี หนีคดีซุกเกาะช้าง ‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งลุย ผู้ร้ายข้ามแดน เผยมีหมายจับอินเตอร์โพล อยู่กว่า 30 หมาย เร่งดำเนินการให้หมด

จับพ่อค้ายาตุรกี / เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่ สน.ทุ่งสองห้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ร่วมกันจับกุมตัว นายมุสตาฟา ยึลมาช อายุ 46 ปี สัญชาติตุรกี ผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างพิจารณา ของศาลอาญา เลขที่ 985/2561 ลงวันที่ 15 พ.ย. 2561

โดยพนักงานอัยการสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ฐานความผิด “ผู้ร้ายข้ามแดน” (ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย) โดยจับกุมได้ที่บริเวณกลางซอยโรงแรมสวนสุภานัน หมู่ 4 ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตม.ได้รับหนังสือจากสำนักอัยการสูงสุด ประสานมายังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแจ้งว่า ทางการสาธารณรัฐตุรกี ขอให้ทางการไทยส่งตัวนายมุสตาฟา ซึ่งทำความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายมุสตาฟา ได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ภายในประเทศไทย ที่เกาะช้าง จังหวัดตราด จึงได้เข้าจับกุมและควบคุมตัวกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการ แต่เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว จึงได้นำตัวผู้ต้องหามาควบคุมไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนชั่วคราว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

วันนี้จึงมารับตัวไปส่งพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ตามสิทธิ และศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะส่งตัวกลับประเทศต้นทางหรือไม่

จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมภายในประเทศไทยของผู้ต้องหานั้น ยังไม่พบการกระทำความผิด รวมถึงไม่มีการประกอบอาชีพใดๆภายในประเทศไทย และมีการเข้าออกประเทศไทยผ่านด่านตม.คลองใหญ่ จ.ตราด ตั้งแต่ ปีค.ศ.2014-2018 เข้า-ออก ประเทศไทยรวม 10 ครั้ง โดยใช้วีซ่าประเภทอุปการะเลี้ยงดูบุตร

ซึ่งตามหลักเกณฑ์ต้องมีเงินสดในบัญชีจำนวน 800,000 บาท จึงจะยื่นขอวีซ่าดังกล่าวได้

แต่จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาไม่มีบุตร มีแต่ภรรยาที่เป็นคนไทยเท่านั้น และเมื่อตรวจสอบบัญชีก็พบว่ามีเงินเพียง 400,000 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ยังแจ้งที่อยู่อาศัยผิดกับที่อาศัยอยู่จริง หลังจากนี้ก็จะดำเนินการตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดรู้เห็นถึงการให้คนร้ายเข้ามาภายในประเทศหรือไม่

หากพบว่ามีก็จะดำเนินการตามวินัยและกฎหมายอย่างเด็ดขาด ส่วนเงินที่ผู้ต้องหาใช้จ่ายนั้นน่าจะเป็นการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องทำการตรวจสอบกันต่อถึงที่มาของเงินต่อไปด้วย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า สำหรับการประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งปรับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเลขาฯศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

“ดังนั้นหมายจับทั่วโลกจะมาขึ้นอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งขณะนี้หมายจับอินเตอร์โพลหรือหมายจับแดงมีอยู่กว่า 30 หมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการจับกุมทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีและมีความปลอดภัย เชื่อว่าประเทศไทยต้องมีแต่นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเท่านั้น” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน