พบอีกศพสังเวย พายุปาบึก ลอยอืดเกยชายหาดบ้านปาตาบูดี เร่งติดต่อญาติมาดูว่าเป็นศพลูกเรือประมงที่อับปาง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา หรือไม่
พายุปาบึก / เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 6 ม.ค. นายโอฬาร บิลสัน นายอำเภอยะหริ่ง ผอ.ศปก.อ.ยะหริ่ง พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.ยะหริ่ง ปลัดอำเภองานป้องกัน ปลัดอำเภอรับผิดชอบประจำตำบลแหลมโพธิ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.แหลมโพธิ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีชาวบ้านพบศพถูกคลื่นซัดมาเกยตื้น ที่บริเวณชายหาดบ้านปาตาบูดี หมู่ที่ 3 ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง
- อ่านข่าว : พายุปาบึก แผงฤทธิ์! ฝนถล่ม-ทะเลคลั่งซัดท่วมแหลมตะลุมพุก เผยกลัวการสูญเสีย
- อ่านข่าว : นครเริ่มอ่วม! ‘ปาบึก’ บุกหนักขึ้น ทำฝนถล่ม เร่งอพยพชาวบ้านริมเลให้หมด! (คลิป)
ซึ่งศพดังกล่าวมีลักษณะบวมอืด ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นลูกเรือประมงที่สูญหายจากเหตุเรือประมงนอกพื้นที่ล่มเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ ท้องทะเลแหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง หรือไม่ ซึ่งผู้ประสบเหตุมีทั้งหมด 6 คน รอดชีวิต 4 คน เสียชีวิต 1 คน และสูญหาย 1 คน คือนายฉลอง จันทนะ
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และประสานญาติลูกเรือประมงที่สูญหาย ซึ่งอยู่พื้นที่ อ.สะทิงพระ จ.สงขลา รวมทั้งนายจ้างเจ้าของเรือประมงที่ล่ม รับทราบและอยู่ระหว่างการเดินทางมาดูศพดังกล่าว ณ ปาตาบูดี หมู่ที่ 3 ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี โดยเจ้าหน้าที่นำศพไปเก็บไว้ที่ รพ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
ส่วนที่แหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายโอฬาร บิลสัน นายอำเภอยะหริ่ง ผอ.ศปก.อ.ยะหริ่ง ปลัดอาวุโส ปลัดอำเภอยะหริ่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.แหลมโพธิ์ จนท.ปภ.จ.ปัตตานี ลงพื้นพบปะให้กำลังใจ ติดตามการค้นหาลูกเรือที่สูญหาย และกู้เรือประมงที่ล่มบริเวณแหลมตาชี เนื่องจากประสบภัยจากพายุปาปึก เมื่อวันที่ 3-4 ม.ค. ที่ผ่านมา
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่ 
สำหรับในการค้นหามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่ ร่วมกับทหารหน่วยซีล ฉก.นย.ทร และเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าปัตตานี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยซีล ฉก.นย.ทร.สามารถกู้เรือประมงลำดังกล่าวได้สำเร็จและดำเนินการตรวจสอบภายในเรือและบริเวณโดยรอบที่เรือจม ปรากฏไม่พบตัวบุคคลผู้สูญหายแต่อย่างใด และลากเรือประมงลำดังกล่าวไปขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำของกรมเจ้าท่าปัตตานี
ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถนำเรือขึ้นฝั่งได้ เนื่องจากบริเวณท่าน้ำของกรมเจ้าท่า ปริมาณน้ำกำลังลดและเรือลากมีขนาดใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่จึงผูกเรือประมงลำดังกล่าวไว้ในร่องน้ำปัตตานี เพื่อจะดำเนินการนำเรือขึ้นฝั่งต่อไป
