เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ในการพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นวันที่ 13 หลังเสร็จสิ้นพิธีหลวง หรือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถวายพระบรมศพ

การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยแบ่งออกเป็น 4 รอบ เวลา 10.00 น., 14.30 น., 17.00 น. และเวลา 19.00 น. รอบละ 11 คณะๆ ละ 50 คน หมุนเวียนจนกว่าจะครบจำนวนเจ้าภาพตามที่แสดงความจำนง

สำหรับเจ้าภาพที่ในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพตลอดทั้งวัน อาทิ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล, ศิษย์เก่าคณะอักษรจุฬาฯ รุ่น 55, มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, มหาวิยาลัยนครพนม, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร, โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดีฯ, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ฯลฯ

โดยวันนี้ เซอร์เกรกอรี พอล วินเทอร์ คณบดีวิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2559 และศ.นพ.วลาดีเมียร์ ฮาชินสกี ศ.พิศิษฐ์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการสาธารณสุข ได้เข้าแสดงความอาลัย เบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นได้ไปลงนามในสมุดหลวงแสดงความอาลัย หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 28,087 คน รวม 92 วัน มี 3,993,299 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,455,208 บาท รวม 92 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 336,800,077.34 บาท

ต่อมาเวลา 15.35 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำตาล น.ส.ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 พร้อมด้วยมารดา นางชุติกาญจน์ ส่วนเสน่ห์ นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ประธานอำนวยการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นางประณม ถาวรเวช รองประธานอำนวยการกองประกวดฯ และนางชิชญาสุ์ กรรณสูต ผู้จัดการกองประกวดฯ เดินทางมายังจุดต่อคิว ที่ท้องสนามหลวง เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความตั้งใจที่จะกราบพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำตาล ชลิตา สวมชุดไทยจิตรลดาสวยงาม โดยมีประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเช่นเดียวกันจำได้ และเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยความสุภาพ ก่อนจะเข้ากราบพระบรมศพในเวลา 16.15 น.

ทั้งนี้ น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ กล่าวถึงความรู้สึกภายหลังเข้ากราบพระบรมศพว่า ตั้งใจอยากมากราบสักการะพระบรมศพหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ก่อนไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส แต่ไม่มีโอกาสได้เข้ามา แต่พอได้มาแล้วรู้สึกว่าดีใจ และตื้นตันใจมากค่ะ ที่ได้เข้ามากราบพระองค์ท่าน ตอนเข้ากราบพระบรมศพ ตาลบอกกับพระองค์ท่านว่า ได้ทำหน้าที่ตัวแทนของประเทศไทย เผยแพร่วัฒนธรรมไทยและสร้างชื่อเสียงไปให้กับคนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยของเรา

น้ำตาล เผยด้วยว่า การประกวดครั้งที่ผ่าน ตาลนำเข็มในหลวงรัชกาลที่ 9 ติดตัวไปด้วย เหมือนเราไปต่างบ้าน เราก็อยากมีสิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้กับตัวเอง ไปไหนก็พกติดตัวตลอดในทุกกิจกรรม การมากราบสักการะพระบรมศพครั้งนี้ ตาลตั้งใจมาต่อแถวเหมือนประชาชนทั่วไป เพราะคิดว่าตัวเองก็เป็นเหมือนประชาชนทั่วไปทุกคนก็เหมือนกันหมด ไม่มีใครสูงหรือต่ำกว่า

“ตาลรักในหลวงรัชกาลที่ 9 เหมือนพ่อ คือพระองค์ท่านทรงงานหนักมาตั้งแต่ที่ตาลจำความได้ เกิดมาก็รู้แล้วพระองค์ท่านทรงงานหนักมาโดยตลอด ทั้งทรงเป็นตัวอย่างให้แก่ประชาชนทุกคนในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการกินการอยู่การใช้ชีวิตของตาลเอง ก็นำมาดำเนินตามเสมอ” น้ำตาล กล่าว

น.ส.ชลิตา กล่าวด้วยว่า สำหรับน้ำตาลพระองค์ท่านทรงเป็นตัวอย่างทางด้านความพอเพียง เพราะบ้านตาลไม่ได้มีฐานะมาตั้งแต่แรก ใช้ความพอเพียงของพระองค์ท่านมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สำหรับโครงการพระราชดำริต่างๆ กว่าสี่พันโครงการที่ช่วยเหลือประชาชน ตาลประทับใจทุกโครงการ เพราะที่พระองค์ท่านก็เพื่อประเทศไทยของเรา คือทรงทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยของเราพัฒนายิ่งขึ้น ทำทุกอย่างให้ทุกคนพออยู่พอกินได้ พอมีอาชีพเลี้ยงตัวเอง

ทั้งนี้ น้ำตาล เล่าถึงบรรยากาศการต่อคิวเข้ากราบสักการะพระบรมศพว่า ประชาชนให้ความสนใจตาลมาก ทุกคนชื่นชมตลอดเส้นทาง ก่อนจะกล่าวถึงสิ่งที่จะทำต่อไปว่า จากนี้สิ่งที่ตาลตั้งใจทำก็คือ การทำหน้าที่ของตนเองให้ดี เป็นคนดี และเป็นต้นแบบให้กับเยาวชนและคนทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน