จากกรณีนายรัติภูมิ หรือเบิร์ด พิมใจใส อายุ 34 ปี เซลส์แมนขายรถ หายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย ขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.59 โดยพบการติดต่อครั้งสุดท้ายอยู่ใกล้บ้านเพื่อนสาวคนสนิท ที่แจ้งความตำรวจว่าถูกเซลส์แมนหนุ่มบุกรุกลักทรัพย์เงิน 7 หมื่นบาท และโทรศพมือถือ 1 เครื่อง จากบ้านพักย่านถนนบรมราชชนนี 78 จากนั้นครอบครัวของนายรัติภูมิ ได้เข้าแจ้งความคนหายที่ สน.ธรรมศาลา ซึ่งเจ้าหน้าที่แกะรอบสืบจนพบนายรัติภูมิเสียชีวิตกลายเป็นศพอยู่ที่ รพ.ศิริราช เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ผ่าศพชันสูตร ระบุผู้ตายมีสารเสพติดในร่างกายเกินขนาด ระบุสาเหตุการตายว่า ตับและไตทำงานล้มเหลวจากพิษยาบ้า ซึ่งครอบครัวพร้อมญาติผู้ตายไม่ปักใจเชื่อสาเหตุการตาย เนื่องจากตามลำตัวมีร่อยรอยบาดแผลหลายแห่ง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว หมอชี้ผลศพเซลส์แมน ฤทธิ์”สารเสพติด” ตร.รู้ชัดถึงวันที่16 แต่พ่อแม่ยังติดใจ

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่วัดช่องลม หมู่ 4 ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ทางครอบครัวได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายรัติภูมิ โดยมีพล.ต.ต.ธีรพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 เป็นประธานในพิธี

โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างเศร้าโศก มีนายละเอียด นางสุนันทา พิมใจใส บิดามารดา นางสุนันทา พิมใจใส ภรรยาผู้ตาย และบรรดาเพื่อนบ้านเข้าร่วมงานประมาณ 400 คน ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมงานต่างยังคงจับกลุ่มวิจารณ์ถึงเงื่อนงำของสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้

นายละเอียด บิดาของผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากที่ได้ปรึกษากันในครอบครัวแล้ว ทุกคนมีความเห็นว่าให้เผาศพลูกชาย เพราะถ้าต่อสู้ไปก็คงจะไม่ได้อะไร อยากให้ลูกชายไปสู่สุขคติภพมากกว่า

ส่วนทางรูปคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังมีการดำเนินการต่อ ในประเด็นที่หลังจากแจ้งความคนหายแล้ว ตนได้ไปตระเวนดูเป็นสิบวัน ทั้งที่สน.ธรรมศาลา และที่รพ.ศิริราช แต่ไม่พบอยู่ดีๆ กลับมาพบศพอยู่ที่รพ.ศิริราช ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตนไปหาจนทั่ว แต่รับแจ้งว่าไม่พบศพ รวมถึงเหตุทีแรกเกิดที่สน.ธรรมศาลาด้วย แต่อยู่ๆ ลูกชายตนไปอยู่ที่สน.ตลิ่งชันได้อย่างไร หรือมีใครพาเขาไป แต่จะได้ผลประการใดตนและครอบครัวก็ต้องทำใจ พวกตนเป็นคนจนไม่มีกำลังเงินและกำลังอำนาจ ที่จะไปสู้รบตบมือกับใคร ซึ่งหากลูกชายตนถูกฆ่าตายจริง ก็คงจะสาวไปไม่ถึงคนลงมืออย่างแน่นอน ให้เป็นเรื่องของเวรกรรมเป็นคนจัดการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน