นายดาบ ยันยิงเพื่อป้องกันตัว เผยรอยกระสุนรอบคัน สอบชนวนเด็กช่างปาดยิง!

จากกรณีตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด กก.สส น 4 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวน 5 คน โดยมีรถ จยย.ของเจ้าหน้าที่ขับประกบรถกระบะมาอีกชั้นหนึ่งระหว่างทางถูกกลุ่ม นายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี นักเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ ชั้นปีที่ 4 คณะช่างยนต์ ซึ่งกลับจากงานเลี้ยงของสถาบัน ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่มคู่อริ ก่อนจะเกิดการยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้นายเอกชัยถูกยิงเสียชีวิต บริเวณซอยร่มเกล้า 6 แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 กุมภาพันธ์นั้น

พ.ต.อ.ชาญวิทย์ ได้ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็น และสามารถให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายได้ โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่เป็นการป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ที่กำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาออกจากพื้นที่ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลของชุดจับกุมทั้งหมด เบื้องต้นพบว่าไม่มีประวัติความขัดแย้งกับกลุ่มของผู้ตายมาก่อน

ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ต้องหาที่ขณะเกิดเหตุนั่งอยู่ท้ายกระบะของตำรวจ อาจพยายามหาทางหลบหนีโดยใช้วิธีการ ชวนกลุ่มผู้ตายทะเลาะ เพื่ออาศัยจังหวะหลบหนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวตำรวจอยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาทั้งที่อยู่ท้ายกระบะมาสอบสวนอย่างละเอียดว่าช่วงก่อนเกิดเหตุได้มีการตะโกนด่าทอหรือชักชวนทะเลาะวิวาทหรือไม่

ส่วนกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นมีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ จนตนเองเกือบโดนทำร้ายด้วยนั้น พ.ต.อ.ชาญวิทย์ เปิดเผยอีกว่า จะไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มที่เข้ามาทำร้าย เพราะเข้าใจถึงความรู้สึกของกลุ่มผู้ทำร้าย

ทางด้าน พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีนบุรี เปิดเผยว่า วันนี้จะไม่มีการสอบปากคำฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขั้นตอนหลังจากนี้จะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาสอบปากคำ เพื่อให้ความเป็นธรรม รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนผลการสอบจะออกมาเป็นอย่างไรต้องรอสรุปสำนวนเสียก่อน เบื้องต้นขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงานอีกสักระยะ ส่วนกรณีตำรวจชุดสืบนครบาล 4 อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ต้องรอผลการยืนยันจากบก.น.4 และผู้บังคับบัญชาของตำรวจชุดนี้

โดยรายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจาก เจ้าหน้าที่ กก.สส น 4 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดมากจากย่านโชคชัย จำนวน200เม็ด ก่อนควบคุมตัวมาขยายผลล่อซื้อยาเสพติดต่อที่ บริเวณ ถ.เคหะร่มเกล้า โดยมีการขับรถตามกันมาจำนวน 3 คันในขบวนรถคันแรกเป็นรถของหัวหน้าชุด คันที่สองเป็นรถของทีมงานตำรวจ ได้ขับล่วงหน้าไปก่อน และคันสุดท้ายเป็นรถกระบะที่ มีด.ต.วิรัตน์ ชีตารัตน์ เป็นผู้ขับขี่ และมีด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่กระบะท้าย และมีรถจยย. อาสาประกบมา 3 คัน

โดยเป็นรถของผู้ต้องหาคดียาเสพติด 1 คัน ระหว่างมาถึงจุดเกิดเหตุได้ถูกกลุ่มรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ซึ่งกลับจากงานเลี้ยงของสถาบัน ได้ขับเข้ามาตีคู่ที่กระบะด้านหลังและมีการด่าทอกัน จากนั้นกลุ่มผู้ตายได้ถามว่า “ใครด่าแม่กู “ จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปปาดหน้า ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปที่รถของตำรวจ ซึ่งมีร่องรอยของหัวกระสุนฝังอยู่ภายในตัวถังและที่ยางล้อรถ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถกระบะพุ่งชน เพื่อสกัดรถ จยย.ของผู้เสียเพื่อระงับเหตุ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีนายเอ(นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี ผู้ตายนั่งซ้อนท้ายมา และจะเข้าจับกุมตัว แต่ผู้เสียชีวิตได้ยิงปืนโต้ตอบกับตำรวจ จึงตัดสินใจยิงสวน จนกระทั่งทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต

ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมที่ใส่เสื้อสีแดงตามคลิปที่ปรากฎได้ขับรถกลับมาดูที่ท้ายขบวนและเรียกให้พนักงานสอบสวนสน.พื้นที่ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตได้กรูเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเข้าใจว่าชายเสื้อสีแดง ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุมเป็นคนทำร้าย

โดยในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตำรวจนายดังกล่าวเห็นว่าจะเป็นอันตราย เพราะกลุ่มเพื่อนของผู้ตายเริ่มประชิดตัวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอารมณ์โกรธแค้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าสองนัด และพูดว่า “ใครเข้ามากูยิง “ แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสวนออกไปเพื่อเปิดทางหนี ซึ่งไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด 4 ตัว ไม่สามารถเปิดดูภาพได้ จึงได้ส่งไปกู้ข้อมูลที่กองพิสูจน์หลักฐาน และขณะเดียวกันได้ให้ด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดบก.น.4 ไปตรวจคราบเขม่าปืนที่กองพิสูจน์หลักฐาน เนื่องจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และขนาด11 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

รายงานข่าวยังแจ้งว่า เบื้องต้น นายชวลิต ปานขาว รับว่าตนได้ยิงผู้ตายจริง โดยตนได้มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดต่อล่อซื้อยาเสพติด บริเวณ ถ.เคหะร่มเกล้า เมื่อขับรถจยย.มาถึงที่เกิดเหตุพบ ผู้ตายนั่งซ้อนท้าย รถจยย.ผ่านมา และใช้อาวุธปืนยิง มาที่รถจยย.ของตน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ตำรวจขับมา จึงได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยิงโต้ไปที่ผู้ตาย

ส่วนนายวิฑูรย์ แซ่แต้ อายุ 35 ปี อาสาที่มาพร้อมกับตำรวจ ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่บริเวณขาซ้าย อาการปลอดภัยแล้ว เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนากับนายชวลิต และ ด.ต.เอกกวี ซึ่ง ด.ต.เอกกวี ได้ให้การปฏิเสธ ให้การอีกว่า ได้ปฏิบัติไปตามหน้าที่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายเอกชั ยมีประวัติถูกจับกุมในพื้นที่ สน.หัวหมาก เมื่อปี 2558 ในคดีครอบครองอาวุธปืน และคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ปี 2561 หลบหนีการเกณฑ์ทหารในพื้นที่สน.ประเวศ

แอดไลน์ข่าวสด ไม่พลาดทุกข่าวสารเพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน